คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราเด็กอายุ 8 ปี แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน แต่จากอาการบาดเจ็บและพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่ามีการล่วงล้ำทางเพศเกิดขึ้น
จำเลยถอดกางเกงผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 8 ปี ออก เอาของลับของจำเลยใส่ของลับของผู้เสียหายจนเข้าไปแล้ว แม้ไม่ปรากฏชัดว่าของลับของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในของลับผู้เสียหายได้มากน้อยเพียงใดก็ตาม แต่แพทย์ตรวจมีความเห็นว่า แคมเล็กช้ำบวมถลอกเป็นแผลมีเลือดออกต้องมีวัตถุไม่มีคมถูผ่าน และพอตกกลางคืนผู้เสียหายเจ็บที่ของลับมากจนถึงร้องไห้ ดังนี้ แสดงว่าของลับจำเลยได้ผ่านของลับของผู้เสียหายเข้าไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารและเป็นความผิดสำเร็จฐานกระทำชำเราผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง,83 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก,83 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ (โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 ถือปืนขู่) จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงและพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสองซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติได้ส่วนกำหนดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อหลายราย ศาลฎีกายืนโทษจำคุกฐานกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลย 3 คนกับพวกจับตัวนางสาว ส.และเด็กหญิง บ.ลงจากเรือนไปยังทุ่งนาแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองบนคันนาห่างกันราว 2 วา โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำชำเรา ส. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติกรรมหนึ่งแล้วร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำชำเรา บ. อันเป็นความผิดตามมาตรา 276 ตามที่แก้ไขอีกกรรมหนึ่ง. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังนี้ แยกออกได้เป็นความผิด 2 กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนโทรมหญิง: การใช้กำลังข่มขืนในที่สาธารณะเข้าลักษณะโทรมหญิง
จำเลยสองคนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับและใช้กำลังฉุดผู้เสียหายเข้าไปในสวนมะพร้าวข้างทาง แล้วจับกดผู้เสียหายให้นอนลงบนพื้นดิน ช่วยกันจับมือและกดผู้เสียหายไว้ให้โอกาสอีกคนหนึ่งผลัดกันกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยทั้งสองคนๆ ละ 1ครั้ง ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายในขณะกระทำความผิด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากฎหมายแก้ไขภายหลังไม่เป็นคุณแก่จำเลย
จำเลยกระทำความผิดในขณะใช้บังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 319 เดิม ซึ่งต่อมาได้ถูกแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 และ ข้อ 12 ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 และ 319 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่11 ข้อ 7 และข้อ 12 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่จำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทกฎหมายอาญาในคดีข่มขืนโทรมหญิง: กฎหมายใหม่ใช้บังคับกับเหตุการณ์ก่อนประกาศใช้ไม่ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 เดิม ไม่มีข้อความซึ่งบัญญัติให้การกระทำโดยใช้อาวุธปืนและมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงมีโทษหนักขึ้นเหมือนอย่างที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมแล้วโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 จำเลยกับพวก ร่วมกันใช้อาวุธปืนขู่เข็ญข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในลักษณะโทรมหญิงก่อนใช้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ระหว่างพิจารณามีประกาศนั้นออกใช้ประกาศดังกล่าวข้อ 7ไม่ใช่กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยตามมาตรา 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงนำมาปรับบทแก่การกระทำผิดของจำเลยไม่ได้