คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุพจน์ นาถะพินธุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาต่างกัน และขอบเขตความรับผิดของผู้สนับสนุน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าว คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3580/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณเฮโรอีนกับการสันนิษฐานการมีไว้เพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจปรับโทษแม้ไม่เคยอุทธรณ์
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองสันนิษฐานเด็ดขาดว่า การมีเฮโรอีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนในกรณีที่เฮโรอีนในครอบครองมีปริมาณน้อยกว่านั้น ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายก็ย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ เมื่อคดีมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยในความผิดที่มิได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยให้เหมาะสมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่มิถึงขั้นบุกรุก พยายามชิงทรัพย์ และการพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์4 เดือน และลดโทษให้หนึ่งในสาม แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 2 เดือน โทษจำให้รอไว้ 2 ปี ความผิดฐานดังกล่าวก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คืนเกิดเหตุ ข. ร่วมกับ ค. และ จ. เป็นเจ้ามือเล่นการพนันไฮโล โดยมีจำเลยเข้าร่วมเล่นด้วย เมื่อเลิกเล่นแล้วระหว่างเดินกลับบ้านมาถึงบ้าน ข. จำเลยได้ขอเงินไปซื้อของกินข.รับปากจะให้ แต่ขอแบ่งเงินระหว่างเจ้ามือกันก่อนและให้จำเลยตามไปเอาบนบ้าน จำเลยจึงเดินตาม ข. ขึ้นไปบนบ้าน ข.เช่นนี้ เป็นการที่ ข.อนุญาตให้จำเลยขึ้นไปบนบ้านได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก จำเลยเล่นการพนันกับ ข. และเล่นเสียจนหมดตัวจึงตามมาที่บ้าน ข. แล้วขอเงินคืนจาก ข.ส่วนหนึ่งอ้างว่าเพื่อจะนำไปซื้อของกินกับผู้เข้าเล่นการพนันคนอื่น ๆ เมื่อ ข. ให้เงิน20 บาท จำเลยต้องการจะเอาอีก ข. ไม่ยอมให้ จำเลยจึงแย่งจะเอาเงินจากกระเป๋าเสื้อของ ข. แต่แย่งไม่ได้ จำเลยถูก ข.ตีศอกถูกที่ศีรษะหลายครั้งจนศีรษะแตก แต่จำเลยก็มิได้โต้ตอบด้วยการทำร้าย ข.ให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อมีคนร้องห้ามปรามจำเลยก็จากไป ลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการถือวิสาสะหาได้กระทำไปโดยเจตนาที่จะใช้กำลังประทุษร้าย ข. ไม่ ทั้งการกระทำของจำเลยก็มิได้ถือไม่ได้ว่ามีเจตนาทุจริต เพราะจำเลยได้กระทำการดังกล่าวบนบ้าน ข. ซึ่งเป็นสารวัตรกำนันต่อหน้าคนหลายคนเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายที่จะมาชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3447/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท: การพิจารณาว่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลก เปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้เพื่อขายจำนวน 5 เม็ดและจำเลยขายไป 4 เม็ดยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลยอีก 1 เม็ดแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 5 เม็ดดังกล่าว จึงเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวคือการขายนั่นเอง หาใช่เป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกระทงหนึ่งไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3435/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวาน: พฤติการณ์และบาดแผลบ่งชี้ความร้ายแรง
จำเลยฟันทำร้าย ส. ได้รับบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านขวายาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึกถึงกระโหลกศีรษะ ที่เต้านมข้างซ้ายยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร และที่รักแร้ขวาและหน้าอกยาว 8 เซนติเมตรซึ่งล้วนเป็นบาดแผลที่อวัยวะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น อาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดก็เป็นขวานขนาดใหญ่ คมขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วสุด ด้ามยาวประมาณ 1 ศอกสามารถพันทำร้ายถึงตายได้โดยง่าย กิริยาที่จำเลยกระทำก็ปรากฏจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวมาแล้วว่าเป็นการพันโดยแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายก็อาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3435/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดและเจตนาฆ่าจากพยานหลักฐานและลักษณะบาดแผล
จำเลยฟันทำร้าย ส. ได้รับบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านขวายาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ ที่เต้านมข้างซ้ายยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร และที่รักแร้ขวาและหน้าอกยาว 8 เซนติเมตร ซึ่งล้วนเป็นบาดแผลที่อวัยวะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น อาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดก็เป็นขวานขนาดใหญ่คมขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วฟุต ด้ามยาวประมาณ 1 ศอก สามารถฟันทำร้ายถึงตายได้โดยง่าย กิริยาที่จำเลยกระทำก็ปรากฏจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวมาแล้วว่าเป็นการฟันโดยแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายก็อาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3376/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้แม้ขาดอายุความแล้ว ถือเป็นการละเสียซึ่งอายุความ จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
หลังจากหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ขาดอายุความแล้วจำเลยได้ทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์ แล้วโจทก์และจำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือนั้น จึงเป็นเรื่องคู่กรณีทำหนังสือรับสภาพความผิดโดยสัญญา ถือว่าจำเลยละเสียซึ่งอายุความจำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและจำหน่ายกัญชาโดยจำเลยรับสารภาพ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ โดยมิได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ทราบถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ปรากฏว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จริงหรือไม่และจำเลยไม่สามารถทราบประกาศดังกล่าวได้นั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาใตศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาเรื่องประกาศกระทรวงสาธารณสุขและข้อจำกัดในการยกเหตุใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพโดยมิได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ทราบถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใดที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ปรากฏว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จริงหรือไม่ และจำเลยไม่สามารถทราบประกาศดังกล่าวได้นั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น และการไม่รอการลงโทษคดียาเสพติด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ โดยมิได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ทราบถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ปรากฏว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จริงหรือไม่และจำเลยไม่สามารถทราบประกาศดังกล่าวได้นั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย.
of 110