คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พจน์ บุญเลี้ยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2308/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าเนื่องจากจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันสามีภรรยา แม้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์แล้ว
ก่อนจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้เสียกับนาง ต. มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน หลังจากจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ 2 วัน จำเลยที่ 1 กลับไปจดทะเบียนสมรสกับนาง ต.ซ้อนขึ้นอีก โดยอ้างว่าเพื่อให้เด็กที่เกิดมาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้นางต.ยังไปๆมาๆที่บ้านจำเลยและจำเลยที่ 1 ยังส่งเสียให้เงินไปใช้จ่าย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันสามีภรรยา ซึ่งเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2300/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าเกินหนึ่งปีตามมาตรา 1375 วรรคสอง เป็นเรื่องสิทธิฟ้อง ไม่ใช่อายุความ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง กฎหมาย ใช้คำว่า "ต้องฟ้องภายในหนึ่งปี" เป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้องหากไม่ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวก็หมดสิทธิฟ้องคือโจทก์ย่อมหมดสิทธิครอบครอง ที่พิพาทเมื่อหมดสิทธิครอบครองเสียแล้วอำนาจฟ้องเรียกคืนที่พิพาทก็ไม่มีฉะนั้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 1375 จึงเป็นระยะเวลาให้ สิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดินมือเปล่าไม่ใช่เรื่องอายุความ เพราะอายุความนั้นเป็นเรื่องขณะฟ้องสิทธิเรียกร้องยังมีอยู่แต่ไม่ใช้สิทธินั้นบังคับเสียภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงขาดอายุความห้ามมิให้ฟ้องร้อง เมื่อเป็น สิทธิฟ้องร้อง โจทก์จะมีสิทธิฟ้องหรือไม่ ย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)จำเลยไม่จำต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2300/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดินมือเปล่าตามมาตรา 1375 วรรคสอง: กำหนดเวลา 1 ปี มิใช่เรื่องอายุความ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสองกฎหมาย ใช้คำว่า "ต้องฟ้องภายในหนึ่งปี" เป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้องหากไม่ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวก็หมดสิทธิฟ้อง คือโจทก์ย่อมหมดสิทธิครอบครอง ที่พิพาทเมื่อหมดสิทธิครอบครองเสียแล้วอำนาจฟ้องเรียกคืนที่พิพาทก็ไม่มีฉะนั้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 1375 จึงเป็นระยะเวลาให้ สิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดินมือเปล่าไม่ใช่เรื่องอายุความ เพราะอายุความนั้นเป็นเรื่องขณะฟ้องสิทธิเรียกร้องยังมีอยู่แต่ไม่ใช้สิทธินั้นบังคับเสียภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงขาดอายุความห้ามมิให้ฟ้องร้อง เมื่อเป็น สิทธิฟ้องร้อง โจทก์จะมีสิทธิฟ้องหรือไม่ ย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)จำเลยไม่จำต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากไฟไหม้บ้าน และการประเมินค่าเสียหายที่แท้จริงตามกรมธรรม์ประกันภัย
ป.ลูกจ้างจำเลยนำถังแก๊สไปตั้งและต่อเข้าเตาแก๊สจนกระทั่งแก๊สพุ่งออกจากถังไปติดเปลวไฟที่เตาถ่าน น.เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย การมีเตาถ่านที่กำลังต้มน้ำอยู่ห่างประมาณ 1 เมตรแต่ น. ไม่ได้บอกให้ ป. ระมัดระวัง ก็เพราะโดยปกติการเปิดฝาครอบถังแก๊สเพื่อต่อแก๊สเข้าเตานั้นแก๊สจะไม่พุ่งออกจากถัง และเตาถ่านก็อยู่ห่างพอควร ไม่มีอะไรที่จะเป็นเหตุให้ น. จะต้องระมัดระวัง การที่ ป. เปิดฝาครอบถังแก๊สแล้วแก๊สพุ่งออกซึ่งเป็นการผิดปกติธรรมดาอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของ ป. ทำให้แก๊สพุ่งไปติดเปลวไฟที่เตาถ่านแล้วไฟลุกไหม้ขึ้น ไหม้บ้าน น. ทรัพย์สินที่ น.เอาประกันภัยไว้กับโจทก์เสียหาย น. จึงไม่มีส่วนประมาทด้วย จำเลยจึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยดูแลสถานค้าประเวณี แต่ไม่มีหลักฐานว่าดำรงชีพจากรายได้หญิงขายบริการ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
บ้านเกิดเหตุเป็นสถานค้าประเวณี มีหญิงโสเภณีและชายที่ไป เที่ยว จำเลยทำหน้าที่คอยเปิดปิดประตูรับอยู่ที่บ้านดังกล่าว ดังนี้ จำเลยเป็นผู้ดูแลจัดการสถานค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติ ปรามการค้าประเวณีฯ มาตรา 9 ที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 นั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้รับฟังได้ว่าจำเลยดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี หรือไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันเพียงพอสำหรับดำรงชีพ เมื่อพยานโจทก์ไม่ได้เบิกความถึงข้อนี้เลย แต่ได้ความว่าจำเลยเช่าร้านติดกับที่เกิดเหตุขายก๋วยเตี๋ยวและเครื่องดื่มมา 2 ปีแล้ว จึงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 286 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวการและตัวแทนในคดีละเมิด และสิทธิในการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล
จำเลยที่ 3 ประกอบการขนส่งบุคคลเดินรถโดยสารประจำทาง ได้เช่ารถยนต์ของจำเลยที่ 2 มาใช้ในการเดินรถโดยสารของตนโดยมีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็น คนขับ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารโดยประมาทชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย แม้นายจ้างของโจทก์จะได้ออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้แก่โจทก์ไปแล้วก็หาทำให้จำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์พ้นความรับผิดในการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลไม่โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท: โฉนดที่ดินออกทับที่ดินวัด แม้มีโฉนดแต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของวัด
ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตวัดจำเลยมาแต่เดิม โดยตอนออกโฉนดได้นำรังวัดเข้าไปในที่ดินของวัด แต่ไม่ว่าจะได้ออกโฉนดแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ในโฉนดมาเป็นเวลานานเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผู้มีชื่อในโฉนดได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ออกโฉนดทับที่วัด ที่พิพาทยังคงเป็นของวัด การออกโฉนดทับที่ดินพิพาทมิใช่การกระทำของโจทก์ และมีการโอนกันมาแล้วหลายคน โจทก์ไม่มีโอกาสทราบเรื่องนี้ ทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทต่อเนื่องมาจากเจ้าของคนก่อนเป็นการครอบครองที่พิพาทโดยสุจริต ทั้งจำเลยไม่ฟ้องทันทีที่โจทก์คัดค้านการรังวัดที่ดินของจำเลย ดังนี้โจทก์ไม่ควรต้องใช้ค่าเสียหายให้จำเลย เว้นแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาจากลักษณะอาวุธและบาดแผลของผู้ตาย
จำเลยใช้ ไม้ไผ่ตัน ขนาดยาว 63 เซนติเมตรวัดโดยรอบ 9 เซนติเมตรตีผู้ตายหลายที รวมทั้งตีที่ศีรษะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยบริเวณด้านล่าง ของสมองแตก ผู้ตายหมดสติหลังถูกทำร้ายไม่นานนักและถึง แก่ความตายในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่า มีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์: การกระชากพระเครื่องยังไม่สำเร็จความผิดฐานชิงทรัพย์ ถือเป็นความพยายาม
จำเลยใช้เหล็กปลายแหลมจี้ขู่บังคับให้ผู้เสียหายถอดสร้อยคอให้ ผู้เสียหายกำลังจะถอด มีผู้เข้าช่วยจำเลยจึงกระชากพระเครื่องซึ่งกลัดเข็มกลัดไว้ที่เสื้อ พระเครื่องตกลงที่พื้นรถ ยังไม่ได้เอาไป และยังมิได้เข้ายึดถือครอบครองพระเครื่องนั้นเลย ความผิดฐานชิงทรัพย์ยังไม่สำเร็จเป็นเพียงพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมเหนือสิทธิการเช่า: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลบังคับเหนือสัญญาเช่าเดิม แม้ไม่ได้จดทะเบียน
โจทก์จำเลยมีคดีพิพาทกันด้วยเรื่องสิทธิการเช่าที่ดินพิพาท ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษานั้นมีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีคำพิพากษาตามยอมระบุว่าจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ในที่เช่าต่อไปจนครบ 10 ปี จำเลยย่อมได้สิทธิมาโดยผลแห่งคำพิพากษานั้นโดยสมบูรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้มีผลบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษาที่ผูกพันโจทก์อยู่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเช่าที่มีผลบังคับกันได้เพียงสามปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538
of 25