คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พจน์ บุญเลี้ยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของคำพิพากษาตามยอม: สิทธิการเช่าที่ดินหลังประนีประนอมยอมความ
โจทก์จำเลยมีคดีพิพาทกันด้วยเรื่องสิทธิการเช่าที่ดินพิพาทต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทมีกำหนดระยะเวลา 10 ปีศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษานั้นมีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีคำพิพากษาตามยอม ระบุว่าจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ในที่เช่าต่อไปจนครบ 10 ปี จำเลยย่อมได้สิทธิมาโดยผลแห่งคำพิพากษานั้นโดยสมบูรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้มีผลบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษาที่ผูกพันโจทก์อยู่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเช่าที่มีผลบังคับกันได้เพียงสามปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คที่ไม่มีวันออก ถือเป็นเช็คที่ไม่มีวันที่กระทำผิด ไม่เข้าความผิด พ.ร.บ.เช็ค
วันที่ลงในเช็คเป็นกำหนดเวลาที่ผู้ออกเช็คสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจึงเป็นสาระสำคัญของการกระทำความผิด เช็คที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำความผิด การลงวันเดือนปีในเช็คตามที่จำเลยและภริยาจำเลยบอกมีผลเพียงให้เช็คพิพาทมีรายการสมบูรณ์เพื่อใช้สิทธิฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ดังโจทก์ฟ้องแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาว่าการออกเช็คทั้งห้าฉบับนั้นเป็นกรรมเดียวหรือต่างกรรม และศาลแขวงธนบุรีมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คที่ไม่มีวันออก ถือเป็นโมฆะ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
วันที่ลงในเช็คเป็นกำหนดเวลาที่ผู้ออกเช็คสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจึงเป็นสาระสำคัญของการกระทำความผิด เช็คที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำความผิด การลงวันเดือนปีในเช็คตามที่จำเลยและภริยาจำเลยบอกมีผลเพียงให้เช็คพิพาทมีรายการสมบูรณ์เพื่อใช้สิทธิฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่
เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ดังโจทก์ฟ้องแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาว่าการออกเช็คทั้งห้าฉบับนั้นเป็นกรรมเดียวหรือต่างกรรม และศาลแขวงธนบุรีมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานข่มขืนฯ และหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นกรรมต่างกัน แม้เกิดจากการกระทำต่อเนื่อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดสองกรรม เรียงกระทงลงโทษข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี เป็นการ แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายไปยังสถานที่หลายแห่งจนถึงบ้านเกิดเหตุจึงกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ถูกจำเลยขู่บังคับและกอดรัดให้อยู่กับจำเลยตลอดคืน หากกลับจะทำร้าย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้เสียหายจึงใช้อุบายหนีกลับบ้านได้ ดังนี้ การที่จำเลยไม่ยอมให้ผู้เสียหายกลับแล้วใช้กำลังกายกอดรัดและขู่ว่าจะทำร้ายหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ตลอดคืนเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนและหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นคนละกรรมกัน แม้เกิดจากเหตุการณ์ต่อเนื่อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดสองกรรม เรียงกระทงลงโทษข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุก 6 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายไปยังสถานที่หลายแห่งจนถึงบ้านเกิดเหตุจึงกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ถูกจำเลยขู่บังคับและกอดรัดให้อยู่กับจำเลยตลอดคืน หากกลับจะทำร้าย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายจึงใช้อุบายหนีกลับบ้านได้ ดังนี้ การที่จำเลยไม่ยอมให้ผู้เสียหายกลับ แล้วใช้กำลังกายกอดรัดและขู่ว่าจะทำร้ายหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ตลอดคืน เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 145
จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ แต่แต่งกายดังที่เจ้าพนักงานตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกันตามปกติ โดยนุ่งกางเกงสีกากี สวมเสื้อคอกลมขาว คาดเข็มขัดหนังยืนให้สัญญาณรถยนต์บรรทุกที่ผ่านไปมาให้หยุดรถเพื่อตรวจตรงจุดที่รถยนต์ตำรวจทางหลวงจอดอยู่เป็นประจำ อันทำให้บุคคลทั่วไปอาจเข้าใจได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ในการเรียกตรวจรถแต่ละครั้งจำเลยแสดงให้เป็นที่เข้าใจได้ว่าได้รับเงินจากพวกคนขับรถยนต์บรรทุกพฤติการณ์ของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทางหลวงจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาฎีกา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นหลัก
ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟังโดยชอบแล้วตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2526 แม้ต่อมาศาลจังหวัดพิษณุโลกจะได้อ่านคำพิพากษาให้ทนายจำเลยฟังอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ก็ต้องถือตั้งแต่วันอ่านโดยชอบในครั้งแรก การที่ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ 18 พฤษภาคม 2526 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยฟัง จึงล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาฎีกา: การนับระยะเวลาเริ่มต้นจากวันที่อ่านคำพิพากษาให้ตัวจำเลยฟัง แม้จะอ่านซ้ำให้ทนายความ
ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟังโดยชอบแล้วตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2526 แม้ต่อมาศาลจังหวัดพิษณุโลกจะได้อ่านคำพิพากษาให้ทนายจำเลยฟังอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ก็ต้องถือตั้งแต่วันอ่านโดยชอบในครั้งแรก การที่ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ 18 พฤษภาคม 2526 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยฟัง จึงล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจที่ก่อเหตุวิวาทก่อนและมีเจตนาฆ่า ย่อมไม่อ้างเหตุบันดาลโทสะได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ปลุก ท. ซึ่งนอนหลับอยู่บนม้านั่งของตู้รถไฟโดยใช้มือเขย่าและใช้ปืนพกจี้พร้อมกับจับคอเสื้อ ท. ดึงกับใช้คำพูดที่ไม่สมควร ท.ตื่นขึ้นด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคาย เมื่อ จำเลย ลงจากรถไฟได้ท้าทายให้ ท. ตามลงไปที่ชานชาลาของสถานีรถไฟ เมื่อ ท. ไม่ยอมลงจำเลยก็ใช้ปืนพกยิง ท. จนถึงแก่ความตาย การกระทำ ของจำเลย เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ เจ้าพนักงานตำรวจพึงปฏิบัติต่อราษฎร นับได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและสมัครใจ เพื่อเข้าวิวาทกับ ท. โดยตรง และกระทำไปโดยโมหจริตลืมตัว จึงจะอ้างเหตุบันดาลโทสะหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจก่อเหตุวิวาทก่อนแล้วยิงฆ่าประชาชน ศาลไม่รับฟังเหตุบันดาลโทสะ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ปลุก ท.ซึ่งนอนหลับอยู่บนม้านั่งของตู้รถไฟโดยใช้มือเขย่าและใช้ปืนพกจี้พร้อมกับจับคอเสื้อท. ดึงกับใช้คำพูดที่ไม่สมควร ท.ตื่นขึ้นด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคาย เมื่อ จำเลย ลงจากรถไฟได้ท้าทายให้ ท. ตามลงไปที่ชานชาลาของสถานีรถไฟ เมื่อท. ไม่ยอมลงจำเลยก็ใช้ปืนพกยิง ท. จนถึงแก่ความตาย การกระทำ ของจำเลย เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ เจ้าพนักงานตำรวจ พึงปฏิบัติต่อราษฎร นับได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและสมัครใจ เพื่อเข้าวิวาทกับ ท. โดยตรง และกระทำไปโดยโมหจริตลืมตัว จึงจะอ้างเหตุบันดาลโทสะหาได้ไม่
of 25