พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงแรมไม่ต้องรับผิดชอบทรัพย์สินสูญหายจากความประมาทของผู้พักอาศัยที่ไม่นำฝาก
โรงแรมจำเลยจัดบริการแก่ผู้มาพักโดยมีโกดังสำหรับรับฝากของไว้ไม่คิดค่าบริการ เมื่อมาพักก่อนครั้งเกิดเหตุโจทก์ก็เคยส่งของมาฝาก แม้ของที่นำติดตัวมาเองจะไม่เคยนำไปฝาก แต่ก็ไม่ปรากฏว่าโรงแรมจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับฝาก แสดงว่าโรงแรมจำเลยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้มาพักเป็นอย่างดีแล้ว ครั้งเกิดเหตุโจทก์มาพักไม่นำสินค้าที่นำติดตัวมาซึ่งมีราคาถึง 100,000 บาทเศษ ไปฝากเก็บไว้ในโกดัง ทั้งไม่ได้แจ้งต่อทางโรงแรมจำเลยว่ามีรถยนต์มาหรือบอกฝากสินค้าไว้พฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่าเหตุที่สินค้าของโจทก์ในรถยนต์ถูกลักไปเป็นเพราะความประมาทอย่างร้ายแรงของโจทก์ อันเป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทของผู้พัก โรงแรมไม่ต้องรับผิดชอบทรัพย์สินสูญหาย
โรงแรมจำเลยจัดบริการแก่ผู้มาพักโดยมีโกดังสำหรับรับฝากของไว้ไม่คิดค่าบริการ เมื่อมาพักก่อนครั้งเกิดเหตุโจทก์ก็เคยส่งของมาฝาก แม้ของที่นำติดตัวมาเองจะไม่เคยนำไปฝากแต่ก็ไม่ปรากฏว่าโรงแรมจำเลยปฏิเสธไม่ยอม รับฝากแสดงว่าโรงแรมจำเลยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้มาพักเป็นอย่างดีแล้วครั้งเกิดเหตุโจทก์มาพักไม่นำสินค้าที่นำติดตัวมาซึ่งมีราคาถึง100,000 บาทเศษไปฝากเก็บไว้ในโกดังทั้งไม่ได้แจ้งต่อทางโรงแรมจำเลยว่ามีรถยนต์มาหรือบอกฝากสินค้าไว้พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าเหตุที่สินค้าของโจทก์ในรถยนต์ถูกลักไปเป็นเพราะความประมาทอย่างร้ายแรงของโจทก์อันเป็น ความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขาย, ค่าปรับ, การบอกเลิกสัญญา, หลักประกัน, การชดใช้ค่าเสียหาย
หลักประกันตามสัญญาซื้อขายของธนาคารที่จำเลยนำมามอบ แก่โจทก์เป็นการประกันเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญา หากผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิริบเมื่อถือว่าเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง ย่อมนำมาคิดหักกันได้จากค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะต้องซื้อสินค้าจากบุคคลอื่นแพงขึ้น กรณีจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงซื้อขายให้แก่โจทก์เลย โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้และจำเลยยอมให้โจทก์ใช้สิทธิปรับจำเลยได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญา ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่คู่กรณีสมัครใจทำกันขึ้น ทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของ ประชาชน ย่อมมีผลผูกพันคู่กรณี โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าปรับได้ด้วย สินค้าที่ซื้อขายกันเป็นเงิน 37,400 บาท โจทก์ต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น 25,125 บาท ซึ่งศาลพิพากษาให้ชดใช้ส่วนนี้แล้ว จำเลยผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาภายหลังนาน 2ปี ค่าปรับกรณีผิดสัญญาคิดเป็นรายวันเป็นเงินถึง 50,000บาทเศษ ซึ่งสูงเกินส่วน ศาลลดลงเป็นจำนวนพอสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก คงกำหนดค่าปรับให้โจทก์ 15,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความล่าช้าในการบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการสิทธิในการปรับค่าเสียหายเมื่อจำเลยผิดสัญญา
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45 วันนับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้วแต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมหลังได้รับค่าชดใช้แล้ว
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45วัน นับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้ว แต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์และมีชื่อผู้เยาว์ในโฉนด
ธ.เป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยธ.ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่ใส่ชื่อจำเลยผู้เยาว์ไว้ในโฉนดแทน แล้วได้ขายที่ดินและตึกพิพาทให้โจทก์แม้ธ.จะขายให้โจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ทำให้สิทธิการได้มาของโจทก์เสียไป เพราะจำเลยเพียงแต่มีชื่อในโฉนดเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทน ธ.เท่านั้น หาใช่ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยผู้เยาว์ไม่ หลังจากที่โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทจาก ธ. ธ.ไม่อาจโอนให้ได้เพราะโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ก็มิได้มีการตกลงกันเรื่องการโอนทางทะเบียนอีกเป็นการแน่นอนว่าจะโอนกันหรือไม่เมื่อใด โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ใช้เป็นสำนักงานสาขาสำเพ็ง ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ เสียค่าภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือนเอง แจ้งให้ผู้ตรวจการธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้งว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งยังทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบทั้งยังขออนุมัติรื้อถอนตัวอาคารเมื่อย้ายสำนักงานสาขาไปตั้งยังที่แห่งใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็อนุมัติแสดงว่าทั้งโจทก์และนายธรรมนูญไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ถือได้ว่านายธรรมนูญสละการครอบครองทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยเด็ดขาด การครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ หาใช่ครอบครองตามสัญญาจะซื้อขายไม่ เมื่อเกินสิบปีโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้เนื่องจากชื่อผู้เยาว์
ธ. เป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลย ธ.ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่ใส่ชื่อจำเลยผู้เยาว์ไว้ในโฉนดแทนแล้วได้ขายที่ดินและตึกพิพาทให้โจทก์ แม้ ธ.จะขายให้โจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ทำให้สิทธิการได้มาของโจทก์เสียไป เพราะจำเลยเพียงแต่มีชื่อในโฉนดเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทน ธ. เท่านั้นหาใช่ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยผู้เยาว์ไม่
หลังจากที่โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทจาก ธ. ธ. ไม่อาจโอนให้ได้เพราะโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ก็มิได้มีการตกลงกันเรื่องการโอนทางทะเบียนอีกเป็นการแน่นอนว่าจะโอนกันหรือไม่เมื่อใดโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ใช้เป็นสำนักงานสาขาสำเพ็ง ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ เสียค่าภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือนเอง แจ้งให้ผู้ตรวจการธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้งว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งยังทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบทั้งยังขออนุมัติรื้อถอนตัวอาคารเมื่อย้ายสำนักงานสาขาไปตั้งยังที่แห่งใหม่ซึ่งกระทรวงการคลังก็อนุมัติแสดงว่าทั้งโจทก์และนายธรรมนูญไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ถือได้ว่านายธรรมนูญสละการครอบครองทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยเด็ดขาดการครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของหาใช่ครอบครองตามสัญญาจะซื้อขายไม่ เมื่อเกินสิบปีโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์
หลังจากที่โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทจาก ธ. ธ. ไม่อาจโอนให้ได้เพราะโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ก็มิได้มีการตกลงกันเรื่องการโอนทางทะเบียนอีกเป็นการแน่นอนว่าจะโอนกันหรือไม่เมื่อใดโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ใช้เป็นสำนักงานสาขาสำเพ็ง ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ เสียค่าภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือนเอง แจ้งให้ผู้ตรวจการธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้งว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งยังทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบทั้งยังขออนุมัติรื้อถอนตัวอาคารเมื่อย้ายสำนักงานสาขาไปตั้งยังที่แห่งใหม่ซึ่งกระทรวงการคลังก็อนุมัติแสดงว่าทั้งโจทก์และนายธรรมนูญไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ถือได้ว่านายธรรมนูญสละการครอบครองทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยเด็ดขาดการครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของหาใช่ครอบครองตามสัญญาจะซื้อขายไม่ เมื่อเกินสิบปีโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีค้าขาย: การพิสูจน์วัตถุประสงค์การซื้อสินค้าเพื่ออุตสาหกรรมจำเลยมีผลต่ออายุความ
โจทก์ประกอบการค้าพิมพ์หนังสือและสิ่งพิมพ์ต่างๆ กับ จำหน่ายเครื่องอุปกรณ์การพิมพ์ทุกชนิด ฟ้องเรียกราคาค่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่จำหน่ายจากจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบเลยว่า จำเลยซื้อสินค้าดังกล่าวไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างไรหรือเพื่อใช้ประกอบกิจการใด และตามทางนำสืบของจำเลยปรากฏว่าจำเลยประกอบกิจการค้าหลายอย่างหลายประการคำว่า "อุตสาหกรรม" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1) ตอนท้าย นั้น หมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิตทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้นๆ ไปดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ในเรื่องนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อสินค้านั้นไปเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยเองจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่ขายแก่จำเลยตามฟ้องอยู่ในกิจการค้าของโจทก์และทำในฐานะเป็นพ่อค้าขายสินค้านั้นดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 165(1) จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดสองปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการค้า: การพิสูจน์เจตนาซื้อเพื่ออุตสาหกรรมมีผลต่ออายุความสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ประกอบการค้าพิมพ์หนังสือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ กับ จำหน่ายเครื่องอุปกรณ์การพิมพ์ทุกชนิด ฟ้องเรียกราคาค่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่จำหน่ายจากจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบเลยว่า จำเลยซื้อสินค้าดังกล่าวไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างไรหรือเพื่อใช้ประกอบกิจการใด และตามทางนำสืบของจำเลยปรากฏว่าจำเลยประกอบกิจการค้าหลายอย่างหลายประการคำว่า "อุตสาหกรรม" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) ตอนท้าย นั้น หมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิตทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้น ๆ ไป ดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ในเรื่องนี้การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อสินค้านั้นไปเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยเองจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่ขายแก่จำเลยตามฟ้องอยู่ในกิจการค้าของโจทก์และทำในฐานะเป็นพ่อค้าขายสินค้านั้นดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 165 (1) จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดสองปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอรับชำระหนี้จำนองหลังการขายทอดตลาด: สิทธิและการปฏิบัติตามกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาใช่ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามมาตรา 287 ไม่ เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 289 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 684/2513)