พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4662/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การครอบครองและจำหน่ายกัญชา
จำเลยมีกัญชาจำนวน1ถุงหนัก3,350กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยได้ขายกัญชาจำนวนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อดังนั้นกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นกัญชาจำนวนเดียวกับกัญชาที่จำเลยขายให้แก่สายลับและเมื่อขายไปแล้วก็ไม่มีกัญชาเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องปราศจากนิติกรรมหรือสิทธิอื่นใด หากมีสิทธิอาศัยย่อมไม่เกิดการครอบครองปรปักษ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัยเจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมาเป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไปโจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ การครอบครองในฐานะผู้อาศัยไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมา เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไป โจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ หากไม่แจ้งสิทธิจะยังไม่สมบูรณ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมา เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไป โจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการฆ่า, เจตนาฆ่า, การลดโทษ, และการคืนทรัพย์สิน
จำเลยทั้งสามซ้อนรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน แล้วจำเลยที่ 1พาผู้ตายไปส่งบ้าน โดยผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 3 ขับส่วนจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 2 ขับ ระหว่างทางก็หยุดรถทั้ง 2 คันจำเลยที่ 1 ปัสสาวะเสร็จแล้ว เดินเข้าไปหาผู้ตายพูดถึงเรื่องที่ผู้ตายพาน้องสาวของจำเลยที่ 1 ไปแล้วจำเลยที่ 1 ชักปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายวิ่งหนีไปกลางทุ่งนา จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตามไปยิง อีก 1 นัด กระสุนปืนถูกที่ศีรษะถึงแก่ความตายทันที จำเลยวิ่งกลับมาขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จำเลยที่ 2 ที่จอดคอยอยู่ เมื่อก่อนจำเลยที่ 1 ยิง จำเลยที่ 2 ที่ 3ได้ร้องห้าม ดังนี้ ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย ทั้งปืนที่ใช้ยิง จำเลยที่ 1 ก็พกมาตั้งแต่ออกจากบ้าน จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงมิได้ร่วมกับ จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืน กระสุนปืนที่จำเลยที่ 1 พกพาติดตัวไป เหตุที่จำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย เกิดจากการโต้เถียง กันเรื่องผู้ตายพาน้องสาวจำเลยที่ 1 ไป จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายทันทีขณะโต้เถียงกัน และยังไล่ตามยิงขณะผู้ตายวิ่งหนีก็เพียงเพื่อให้ผู้ตายสมเจตนาเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ขับขี่ไปในขณะเกิดเหตุเมื่อมิได้ร่วมนำไปใช้ในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1ต้องคืนให้เจ้าของไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3972/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเป็นสามีภริยาโดยมิชอบ และขัดต่อศีลธรรม เป็นโมฆะ
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายได้ทำสัญญากับโจทก์ซึ่งก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้วมีสาระสำคัญว่าโจทก์จำเลยยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญาโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์เดือนละ1,000บาทสัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3972/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเพื่ออยู่กินฉันสามีภริยาโดยมีภริยาชอบธรรมอยู่แล้ว เป็นโมฆะ
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ทำสัญญากับโจทก์ซึ่งก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว มีสาระสำคัญว่าโจทก์จำเลยยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญาโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3972/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเป็นสามีภริยาโดยมีเจตนาขัดต่อศีลธรรมเป็นโมฆะ แม้มีการจ่ายเงิน
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ทำสัญญากับโจทก์ซึ่งก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว มีสาระสำคัญว่า โจทก์จำเลยยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญา โดยจำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและฉ้อโกง: จำนวนเงิน, ปัญหาข้อเท็จจริง, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไป การพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและการฉ้อโกง: จำนวนเงิน, ข้อหา, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไป การพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม