พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอทางผ่าน (ทางจำเป็น) เมื่อที่ดินถูกล้อม และคลองสาธารณะไม่สามารถใช้เป็นทางสัญจรได้
ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ส่วนที่ดินของจำเลยอยู่ทางเหนือของที่ดินโจทก์และติดกับทางสาธารณะทางพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลยอาจใช้เป็นทางจากที่ดินของโจทก์ไปออกสู่ทางสาธารณะได้ใกล้ที่สุดทางหนึ่งแม้จะปรากฏว่าทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ซึ่งติดกับที่ดินอีกแปลงหนึ่งของโจทก์จะติดกับคลองสาธารณะแต่ก็ปรากฏว่าคลองดังกล่าวในฤดูฝนน้ำจะท่วมฝั่งไหลเชี่ยวมากฤดูแล้งก็แห้งติดกับคลองไม่มีประชาชนใช้สัญจรไปมาประมาณ20ปีแล้วสภาพของคลองแม้จะเป็นคลองสาธารณะก็ถือไม่ได้ว่าเป็นทางสาธารณะตามป.พ.พ.มาตรา1349กรณีถือได้ว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะย่อมมีสิทธิขอผ่านทางพิพาทไปสู่ทางสาธารณะได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมข่มขืนกระทำชำเราต้องผลัดเปลี่ยนกันกระทำ จึงจะเป็นการโทรมหญิง
การร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงนั้นต้องมีการร่วมกันผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำเลยที่1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงคนเดียวจำเลยที่2ยังไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราด้วยเพียงแต่กอดจูบและกดผู้เสียหายให้จำเลยที่1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้นลักษณะการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงตัวการร่วมกระทำผิดข่มขืนกระทำชำเราด้วยกันกรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำข่มขืนฯ ต้องมีการผลัดเปลี่ยนกันกระทำ หากไม่ได้ผลัดเปลี่ยนกัน ถือเป็นตัวการร่วมกระทำผิดเท่านั้น
การร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงนั้นต้องมีการร่วมกันผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำเลยที่1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงคนเดียวจำเลยที่2ยังไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราด้วยเพียงแต่กอดจูบและกดผู้เสียหายให้จำเลยที่1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้นลักษณะการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงตัวการร่วมกระทำผิดข่มขืนกระทำชำเราด้วยกันกรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินเนื่องจากจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่1ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)แล้วและต่อมาจำเลยที่1ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่2จำเลยที่1ไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโดยจำเลยที่2ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลยทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบโจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300และบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตนจำเลยที่2ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินอันเป็นทางเสียเปรียบต่อผู้ครอบครองทำประโยชน์โดยสุจริต
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่1ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)แล้วและต่อมาจำเลยที่1ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่2จำเลยที่1ไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโดยจำเลยที่2ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลยทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบโจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามป.พ.พ.มาตรา1300และบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตนจำเลยที่2ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินอันเป็นทางเสียเปรียบแก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์อยู่ก่อน และสิทธิของผู้ซื้อฝากที่ไม่สุจริต
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่ 1 ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมา โดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) แล้ว และต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด โดยจำเลยที่ 2 ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลย ทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบ โจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 และบังคับให้จำเลยที่1 จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตน จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการกระทำความผิดอาญา การให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้กระทำผิดทำให้เป็นตัวการร่วม
จำเลยร่วมรู้เห็นมาก่อนว่า ช. จะไปยิงผู้เสียหายจำเลยร่วมไปกับ ช.เป็นการให้กำลังใจเมื่อช.ยิงผู้เสียหายแล้ว จำเลยแสดงตัวเป็นพวก ช. ทันที โดยร้องห้ามคนอื่นไม่ให้เข้าไปช่วยผู้เสียหายเป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า ช. ไม่ได้มาคนเดียวแล้วจำเลยกับ ช.หลบหนีไปพร้อมกัน ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับ ช.ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายจำเลยเป็นตัวการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากคำฟ้องไม่ระบุเวลาที่กระทำความผิดชัดเจน ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่20มีนาคม2525เวลากลางวันสมุดบันทึกส่วนตัวของโจทก์ซึ่งมีบัตรประจำตัวเสียภาษีเอกสารต่างๆธนบัตร100บาท1ฉบับสอดอยู่ในสมุดดังกล่าวซึ่งโจทก์วางไว้บนโต๊ะที่โจทก์นั่งทำงานโดยโจทก์ลุกไปจากโต๊ะ พอกลับมาปรากฏว่าทรัพย์ดังกล่าวหายไปต่อมาปรากฏว่าสมุดบันทึกของโจทก์ที่หายไปไปอยู่ที่ศาลอาญาโดยจำเลยที่1ส่งสมุดบันทึกดังกล่าวต่อศาลและบัญชีระบุพยานของจำเลยที่2ในคดีอาญาหมายเลขดำที่3054/2525อ้างสมุดบันทึกส่วนตัวของโจทก์เป็นพยานคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุยืนยันเลยว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันลักทรัพย์ของโจทก์ไปเวลาใดหรือจำเลยรับของโจรเวลาใด ดังนี้เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ.มาตรา158(5) คดีราษฎรเป็นโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบโจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาจำเลยยังไม่อยู่ในฐานะเป็นจำเลยเมื่อจำเลยแก้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่สาธารณะและข้อหาทำลายทรัพย์สิน: ศาลพิจารณาความชัดเจนของฟ้องและโทษทางอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามป.อ.มาตรา360ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปีเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษไปได้เลยตามป.วิ.อ.มาตรา176โดยไม่จำต้องสอบถามจำเลยเรื่องการมีทนายความก่อนเพราะศาลไม่อาจพิพากษาเกินคำขอได้ตามมาตรา192วรรคแรกไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าความผิดตามป.อ.มาตรา360ย่อมหมายความรวมถึงมาตรา360ทวิด้วยหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันถมดินลงในลำกระโดงจนเต็มแล้วฝังท่อระบายน้ำคู่ขนานลงในลำกระโดง ย่อมเป็นข้อความที่เข้าใจได้ว่าลำกระโดงส่วนที่ไม่ได้วางท่อระบายน้ำถูกดินถมจนเต็มและท่อระบายน้ำเล็กกว่าลำกระโดงเป็นเหตุให้การระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้น้อยกว่าระบายน้ำทางลำกระโดง ทั้งนี้โดยไม่จำต้องบรรยายว่าเดิมลำกระโดงมีขนาดความกว้างยาวลึกเท่าใดและแสดงให้เห็นว่าลำกระโดงถูกทำให้เสียหายถูกทำลายหรือเสื่อมค่าแล้วส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเข้าปลูกสร้างบ้านพักคนงานคร่อมลำกระโดงและปลูกสร้างรั้วสังกะสีล้อมอาคารบ้านพักแม้จะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้ายึดถือครอบครองเพื่อตนหรือเพื่อผู้อื่นและบ้านที่ปลูกสร้างรวมทั้งรั้วเป็นของจำเลยหรือไม่ก็ถือว่าเป็นการบรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองลำกระโดงอันเป็นที่ดินของรัฐเข้าลักษณะเป็นความผิดตามป.ที่ดินพ.ศ.2497มาตรา9แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดหลุมในเขตถนนสาธารณะทำให้เสียหาย และเหตุความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67
ฟ้องว่าจำเลยขุดหลุมทำให้ถนนที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เสียหายเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหลุมที่จำเลยทั้งสองขุดอยู่ในเขตถนนสาธารณะที่โจทก์ฟ้องแล้วไม่ว่าหลุมนั้นจะอยู่ที่ไหล่ถนนฝั่งเดียวกันตามที่ปรากฏในทางพิจารณาหรือทั้งสองข้างถนนดังที่กล่าวในฟ้องก็เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทั้งสิ้นและข้อแตกต่างดังกล่าวก็หาใช่ข้อสารสำคัญและจำเลยหลงต่อสู้ไม่เพราะจำเลยยอมรับว่าขุดหลุมตามที่โจทก์ฟ้องแต่ต่อสู้ว่าไม่เป็นความผิดเพราะไม่ใช่ถนนสาธารณะเท่านั้น การกระทำเพราะความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา67ผู้กระทำจะต้องอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้หรือเพื่อให้ผู้กระทำหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้แต่การขุดหลุมของจำเลยทั้งสองเป็นทางระบายน้ำจากนาที่จำเลยทำลงคลองสาธารณะเพื่อไม่ให้น้ำท่วมต้นข้าวเมื่อฝนตกมาเท่านั้นขณะจำเลยกระทำการดังกล่าวฝนยังไม่ตกน้ำยังไม่ท่วมต้นข้าวของจำเลยจึงไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจำเลยจำเป็นต้องกระทำทั้งเมื่อฝนตกมากและน้ำท่วมต้นข้าวของจำเลยจำเลยก็สามารถใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกจากนาได้การกระทำของจำเลยหาใช่ความจำเป็นตามกฎหมายไม่.