คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยนต์ พิรวินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายอาคารย้อนหลังกับผู้ซื้ออาคารที่ผิดกฎหมายเดิม การสั่งรื้ออาคารจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตแล้วไม่รื้อถอนตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต่อมาจำเลยที่ 2 โอนขายที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ในขณะที่อยู่ระหว่างการใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479ซึ่งตามมาตรา 11 ทวิ โจทก์ไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่ผู้ปลูกสร้างอาคารตามมาตรา11 รื้อถอนอาคารพิพาทได้แม้ต่อมากฎหมายนี้จะถูกยกเลิกและใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แทนซึ่งมาตรา 40 ประกอบด้วยมาตรา 42 ให้อำนาจโจทก์สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรื้อถอนอาคารนั้นได้ก็จะนำมาใช้กับจำเลยที่ 1 อันเป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังที่มีผลเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้เป็นผู้ปลูกสร้างอาคารพิพาทไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนอาคารพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างเหตุป่วยเพื่อขอขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีหลักฐานประกอบ และการมอบอำนาจทนายความย่อมผูกพันโจทก์
การอ้างว่าตัวโจทก์ป่วย เพิ่งมาพบทนายในวันที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ ไม่ถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ศาลสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของรถและผู้รับประกันภัยจากอุบัติเหตุสะพานพัง กรณีบรรทุกเกินน้ำหนัก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งมีลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่ และกล่าวหาว่ารถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกข้าวมีน้ำหนักรวมรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่ง แล่นผ่านสะพานไม้ชั่วคราวซึ่งโจทก์มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและได้ติดตั้ง ป้ายห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตันแล่นผ่านไว้แล้วทั้งนี้ โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น เป็นเหตุให้สะพานไม้ชั่วคราวยุบพังชำรุดใช้การไม่ได้ เป็นคำฟ้อง ที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 421, 437 นั้นเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดยิ่งขึ้นอีกว่าจำเลยในฐานะเจ้าของ และ ผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 437และการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามมาตรา 437เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับรถยนต์ว่าเป็นใครก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172
ตามคำให้การของจำเลยและจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยได้อยู่หรือนั่งมาในรถยนต์คันเกิดเหตุหรือไม่
จำเลยร่วมไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.10 ให้เป็นประเด็นไว้อย่างชัดแจ้ง จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในข้อนี้
การใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมายที่จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นมีความหมายว่าเป็นการใช้รถเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยตรงเช่นใช้รถเป็นพาหนะไปปล้นหรือจงใจบรรทุกของหนีภาษีเป็นต้นแต่การใช้โดยผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกยังเรียกไม่ได้ว่าใช้รถยนต์ใน ทางที่ ผิดกฎหมายจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องระบุเจ้าของรถเพียงพอ แม้ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ การใช้รถโดยประมาทไม่ถือเป็นความผิดตามกรมธรรม์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งมีลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่และกล่าวหาว่ารถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกข้าวมีน้ำหนักรวมรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่งแล่นผ่านสะพานไม้ชั่วคราวซึ่งโจทก์มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและได้ติดตั้ง ป้ายห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตันแล่นผ่านไว้แล้วทั้งนี้ โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น เป็นเหตุให้สะพานไม้ชั่วคราวยุบพังชำรุดใช้การไม่ได้เป็นคำฟ้อง ที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421,437 นั้นเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดยิ่งขึ้นอีกว่าจำเลยในฐานะเจ้าของ และ ผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 437และการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามมาตรา 437เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับรถยนต์ว่าเป็นใครก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ตามคำให้การของจำเลยและจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุคดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยได้อยู่หรือนั่งมาในรถยนต์คันเกิดเหตุหรือไม่ จำเลยร่วมไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.10 ให้เป็นประเด็นไว้อย่างชัดแจ้งจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในข้อนี้ การใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมายที่จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นมีความหมายว่าเป็นการใช้รถเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยตรงเช่นใช้รถเป็นพาหนะไปปล้นหรือจงใจบรรทุกของหนีภาษีเป็นต้นแต่การใช้โดยผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกยังเรียกไม่ได้ว่าใช้รถยนต์ใน ทางที่ ผิดกฎหมายจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยทำสมุดปกขาวชี้แจงเรื่องการก่อสร้างอาคารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมิได้หมายถึงว่าโจทก์ทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เท่ากับฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะหมิ่นประมาทโจทก์ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังว่า เป็นการชี้แจงตามความเห็นของจำเลยและคณะกรรมการที่ปรึกษาของสภามหาวิทยาลัยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเช่นกัน โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกล่าวข้อความโดยไม่สุจริต จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้จัดการมรดก: กรณีทายาทไม่ทราบที่อยู่และข้อพิพาทเรื่องสิทธิในทรัพย์มรดก
ตามคำร้องขอที่ผู้ร้องอ้างว่า เจ้ามรดกยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันอีก 3 คน แต่อพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบที่อยู่แน่นอนนั้น ถือไม่ได้ว่าทายาทโดยธรรมดังกล่าวของเจ้ามรดกสูญหายไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 (1) ทั้งตามคำร้องของผู้ร้องและคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดก ก็ไม่ได้กล่าวถึงเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกมาด้วย เป็นกรณีที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างอ้างว่าตนมีสิทธิในทรัพย์มรดกดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ชอบที่จะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกจากฝ่ายที่โต้แย้งโดยตรงอย่างคดีมีข้อพิพาท กรณีของผู้ร้องและผู้คัดค้านจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713(1)(2) ที่จะใช้สิทธิร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้จัดการมรดก: ทายาทไม่สูญหาย-ข้อพิพาทสิทธิทรัพย์มรดก ไม่เข้าเงื่อนไขขอตั้งผู้จัดการมรดก
ตามคำร้องขอที่ผู้ร้องอ้างว่า เจ้ามรดกยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันอีก 3 คน แต่อพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบที่อยู่แน่นอนนั้น ถือไม่ได้ว่า ทายาทโดยธรรมดังกล่าวของเจ้ามรดกสูญหายไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(1) ทั้งตามคำร้องของผู้ร้องและคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดก ก็ไม่ได้กล่าวถึงเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกมาด้วย เป็นกรณีที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างอ้างว่าตนมีสิทธิในทรัพย์มรดกดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ชอบที่จะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกจากฝ่ายที่โต้แย้งโดยตรงอย่างคดีมีข้อพิพาท กรณีของผู้ร้องและผู้คัดค้านจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(1)(2) ที่จะใช้สิทธิร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโอนใบอนุญาตสถานบริการเป็นโมฆะ เนื่องจากใบอนุญาตมีลักษณะเฉพาะตัวและกฎหมายไม่อนุญาตให้โอนได้
ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับหรือห้ามไว้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีโทษทางอาญา ทั้งพระราชบัญญัติสถานบริการไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นใบอนุญาตที่ออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและอาคารสถานที่ตั้งก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีของชาติ ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นหาได้ไม่ สัญญาโอนใบอนุญาตจึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโอนใบอนุญาตสถานบริการเป็นโมฆะ กฎหมายไม่อนุญาตให้โอนสิทธิการได้รับอนุญาต
ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับหรือห้ามไว้ ถ้าฝ่าฝืนก็มีโทษทางอาญาทั้งพระราชบัญญัติสถานบริการไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการโอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นใบอนุญาตที่ออกให้เฉพาะตัวผู้ขออนุญาตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและอาคารสถานที่ตั้งก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย และศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีของชาติ ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นหาได้ไม่ สัญญาโอนใบอนุญาตจึงเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งที่ดินพิพาท: การประมูลระหว่างคู่ความล้มเหลว ให้ขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงิน
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์จำเลยฝ่ายละครึ่งโดยให้ตกลงกันระหว่างโจทก์กับจำเลยก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยให้ฝ่ายที่เสนอราคาสูงเป็นผู้ได้กรรมสิทธิ์ไปทั้งหมด หากตกลงประมูลราคากันไม่ได้ให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมด แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันตามวิธีแรกไม่ได้จึงต้องดำเนินการประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยต่อไป แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ติดใจประมูล ต้องถือว่าการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยทำไม่ได้ เพราะการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยหมายความว่าแข่งขันเสนอราคาสู้กันระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์ไม่ติดใจประมูล จำเลยก็ไม่มีโจทก์ที่จะเข้าแข่งขันเสนอราคาสู้ด้วย จะต้องดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมดแล้วนำเงินมาแบ่งปันกัน
of 44