คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยนต์ พิรวินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการชำระหนี้ต้องลงลายมือชื่อผู้ให้ยืม เอกสารการคิดบัญชีระหว่างคู่สมรสไม่ผูกมัดผู้ให้ยืม
เอกสารที่จำเลยอ้างว่าเป็นหลักฐานการใช้เงิน โจทก์มิได้ทำขึ้นและมิได้ลงลายมือชื่อรับรู้ จำนวนเงินก็ไม่ตรงตามที่โจทก์ฟ้องทั้งไม่มีข้อความตอนใด กล่าวพาดพิง ถึงตัวโจทก์ เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารการคิดบัญชีระหว่างภริยาโจทก์กับจำเลยเท่านั้น ไม่มีความตอนใด ที่แสดงว่าภริยาโจทก์กระทำในนามของโจทก์หรือเป็นตัวแทนของโจทก์ เอกสารดังกล่าวจึงไม่เป็นหลักฐานการชำระหนี้ที่ลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้ยืมตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 653วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีขับรถประมาท – ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยก ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีอาญา ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้หากข้อเท็จจริงเกินกว่าที่บรรยายในคำฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยกศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีอาญา ศาลมิอาจลงโทษจำเลยได้หากข้อเท็จจริงเกินขอบเขตคำฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยกศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การแบ่งหน้าที่ชัดเจนถือเป็นตัวการ ไม่ใช่ผู้สนับสนุน
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การแบ่งหน้าที่ความผิด ผู้สนับสนุน vs ผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ 50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550-1551/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์การดำเนินการที่ไม่สุจริตหรือขัดกฎหมาย ราคาประเมินเป็นเกณฑ์สำคัญ
การจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้นั้น ต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตหรือมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มิได้ต่ำกว่าราคาประเมินแม้แต่รายเดียวและไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ระแวงว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริต ข้อที่อ้างว่าจำเลยมีเวลาจะสามารถหาคนมาประมูลซื้อได้ราคาสูงกว่า และหากขายไปจะทำให้จำเลยเดือดร้อน ไม่ใช่เหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน ผู้ค้ำประกันยังคงมี責任
โจทก์เรียกเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าโดยทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้เป็นรายเดือนทุกเดือน แต่โจทก์ก็ไม่ได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าจะเรียกเก็บวันใดการส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีกำหนดเวลา สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบ กำหนดเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนเมื่อโจทก์ยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ลูกหนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน ค้ำประกันยังต้องรับผิดแม้เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลา
แม้โจทก์จะเรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเป็นรายเดือนทุกเดือน แต่ก็มิได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าโจทก์จะเรียกเก็บวันใดการเรียกเก็บโจทก์จะทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ทราบเพื่อให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน การที่โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทราบนั้นก็ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนว่าเป็นวันใด สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้จึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถามถือไม่ได้ว่าเป็นหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนตาม ป.พ.พ.มาตรา 700 แม้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ก็หาทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่กำหนดเวลาชำระชัดเจน ไม่ถือเป็นหนี้มีกำหนดแน่นอน ผู้ค้ำประกันยังคงรับผิด
โจทก์เรียกเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าโดยทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้เป็นรายเดือนทุกเดือน แต่โจทก์ก็ไม่ได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าจะเรียกเก็บวันใดการส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีกำหนดเวลา สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนเมื่อโจทก์ยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ลูกหนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700.
of 44