คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยนต์ พิรวินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 435 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งทุเลาการบังคับเป็นอำนาจเฉพาะของแต่ละศาล โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้
การสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลแต่ละชั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับต่อศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่ง โจทก์จะฎีกาคำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกาไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่เป็นการแสดงเจตนาลวง
การที่จำเลยที่ 1 ไปขอกู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอกแต่บุคคลภายนอกไม่เชื่อถือฐานะของจำเลยที่ 1 โดยจะให้กู้เฉพาะ บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เท่านั้น จำเลยที่ 1 จึงขอร้องให้โจทก์ไปทำการกู้เงินจากบุคคลภายนอกมาให้จำเลยที่ 1 กู้อีกทอดหนึ่ง โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้นั้นตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์ดังกล่าวหาใช่เป็นการออกด้วยการแสดงเจตนาลวงตาม ป.พ.พ. มาตรา 118 วรรคหนึ่งแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมที่จำเลยที่ 1 กู้ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 หาได้มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับบุคคลภายนอกในหนี้ดังกล่าวไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่ถือเป็นการแสดงเจตนาลวง แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ให้กู้เดิม
โจทก์ยืมเงินจาก ท. มาให้จำเลยยืมอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ ท. เลยและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้เงินยืมให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวง จำเลยจึงต้องชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่ถือเป็นการแสดงเจตนาลวง แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ให้ยืม
โจทก์ยืมเงินจาก ท. มาให้จำเลยยืมอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ ท. เลยและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้เงินยืมให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวง จำเลยจึงต้องชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมคดีป่าไม้: การระบุปริมาณไม้และเหตุเชื่อมโยงความผิดฐานทำไม้และแปรรูปไม้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ โดยบรรยายฟ้องเกี่ยวกับประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พุทธศักราช 2484ว่า ทางราชการได้คัดสำเนาประกาศดังกล่าวประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอที่ทำการกำนัน และที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ดังนี้ คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว หมายความว่าจำเลยทั้งสี่ทราบประกาศดังกล่าวแล้วเป็นคำฟ้องที่ยืนยันแน่ชัดว่าจำเลยทั้งสี่ทราบประกาศเรื่องนี้แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ความผิดข้อหาทำไม้กับแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นแม้ไม้ที่จำเลยร่วมกันแปรรูปและที่จำเลยร่วมกันทำไม้จะเป็นไม้จำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ตามก็เป็นความผิดคนละกรรมต่างกัน การที่โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตโดยมิได้ระบุให้แน่ชัดว่า ไม้ที่จำเลยร่วมกันแปรรูปเป็นไม้จำนวนเดียวกันกับไม้ที่จำเลยร่วมกันทำไม้โดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่จึงไม่ทำให้เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุความเชื่อมโยงของไม้ที่แปรรูปกับไม้ที่ตัด เนื่องจากเป็นการกระทำต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางราชการได้คัดสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ประกาศไว้ ณ ที่ทำการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่ที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว แม้จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วแต่คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันหมายความว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุมกรณีไม้หวงห้าม แม้ไม่ระบุยืนยันการทราบประกาศและจำนวนไม้ที่แปรรูป
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางราชการได้คัดสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ประกาศไว้ ณ ที่ทำการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่ที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว แม้จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วแต่คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันหมายความว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมใช้สิ้นเปลือง: กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมตกเป็นของผู้ยืม การไม่คืนจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยเอาน้ำมันดีเซลไปจากโจทก์ 4 ครั้งรวมจำนวน 5,026.45 ลิตรคิดราคาเป็นเงิน 35,738.06 บาท โดยสัญญาว่าจะนำมาคืนให้ภายในเวลาที่กำหนด เป็นเรื่องการยืมใช้สิ้นเปลืองในทางแพ่งกรรมสิทธิ์ในน้ำมันเป็นของจำเลยแล้ว แม้จำเลยไม่คืนให้ตามกำหนด การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยโดยการเกิดและผลของการถอนสัญชาติที่ผิดหลักเกณฑ์ การฟ้องเพื่อระงับการละเมิดสิทธิ
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1บัญญัติไว้ว่าให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าวหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็น (3) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ปรากฏว่าโจทก์เกิดในประเทศไทยและเป็นบุตรของนาง ต.คนสัญชาติไทยกับนายค. คนสัญชาติญวนบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เช่นนี้โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(3) และเป็นผู้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวที่จะถูกถอนสัญชาติไทยเนื่องจากบิดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวนั้นเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคำว่า 'บิดาเป็นคนต่างด้าว' ตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวหมายความถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นหาหมายความรวมถึงบิดาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยไม่
การที่จำเลยถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นคนสัญชาติญวน ย่อมทำให้โจทก์เสียสิทธิต่าง ๆในฐานะเป็นคนสัญชาติไทย เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
อายุความตามที่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 บัญญัติไว้หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลมีสัญชาติไทย และให้จำเลยเพิ่มชื่อโจทก์ลงในทะเบียนบ้านของโจทก์เป็นการฟ้องขอให้ระงับการกระทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหาย จึงหาอยู่ในบังคับต้องฟ้องคดีภายในกำหนด 1 ปี ตามบทมาตราดังกล่าวไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยรับของโจร ผู้เสียหายได้ทรัพย์คืนแล้ว ไม่ต้องชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน แม้ไม่ได้อุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะเตารีดไฟฟ้า และจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะวิทยุสเตอริโอเท่านั้น เมื่อทรัพย์ทั้งสองสิ่งนี้ผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยอื่นคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 3 ไม่ได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาก็แก้ไขเสียให้ถูกต้องได้เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.
of 44