คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสภณ รัตนากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมพยายามฆ่า: พฤติการณ์หลบหนีหลังเกิดเหตุเป็นหลักฐานสำคัญบ่งชี้เจตนา
ส.กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย แม้จำเลยจะมิใช่ผู้ยิงก็ตาม แต่จำเลยเป็นบิดาของ ส. และอยู่ด้วยในขณะที่ส. ยิงผู้เสียหาย ตรงที่เกิดเหตุเป็นป่า โดยปกติจะไม่มีผู้สัญจรไปมาและเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีไปกับ ส. ดังนี้พฤติการณ์ของจำเลยเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ส. กระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมพยายามฆ่า: การกระทำโดยสนับสนุนแม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือ
ส.กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย แม้จำเลยจะมิใช่ผู้ยิงก็ตาม แต่จำเลยเป็นบิดาของ ส. และอยู่ด้วยในขณะที่ ส. ยิงผู้เสียหาย ตรงที่เกิดเหตุเป็นป่า โดยปกติจะไม่มีผู้สัญจรไปมา และเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีไปกับ ส. ดังนี้พฤติการณ์ของจำเลยเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ส. กระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาเดิม คำสั่งคุ้มครองประโยชน์เดิมจึงสิ้นสุด
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ขอให้ห้ามจำเลยที่1จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่1ทำนิติกรรมใดๆเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่1ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่1กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่1ที่2ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่1ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่1ต่อไปศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายและจำนองที่ดินบางส่วน สิทธิในที่ดินพิพาท และการคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่ง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา และความรับผิดทางละเมิดต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ทางแพ่ง
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกัน และแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญา ก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอก ม. แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 280/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาในคดีอาญา และการประเมินความประมาทเลินเล่อ
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุดโจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายคู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกันและแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญาก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกม.แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม11ฉบับเป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริงความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญากรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ.2498มาตรา54ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดคดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหารไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไปส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาคำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้นแต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่องๆไปกระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อยหน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการจำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์. (อ้างฎีกาที่280/2520).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา และพิจารณาละเมิดตามหลักทั่วไป
แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกันและแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญาก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกม.แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหารไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไปส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาคำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์ (อ้างฎีกาที่280/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนัดพิจารณาและการยื่นบัญชีพยาน: ความแตกต่างระหว่างวันนัดพิจารณาและวันสืบพยาน
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสองขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามส่วนศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่านัดพิจารณาสำเนาให้โจทก์จำเลยเช่นนี้วันนัดพิจารณาคือวันที่ศาลชี้สองสถานสืบพยานทำการไต่สวนฟังคำขอต่างๆหรือฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาเป็นต้นส่วนวันสืบพยานคือวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานวันที่ศาลนัดพิจารณาอาจจะมิใช่วันสืบพยานผู้ร้องและโจทก์จึงไม่จำต้องยื่นบัญชีพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนัดพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยเงินจากการบังคับคดี: ไม่ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยาน
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามส่วนศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่านัดพิจารณาสำเนาให้โจทก์จำเลยเช่นนี้วันนัดพิจารณาคือวันที่ศาลชี้สองสถานสืบพยานทำการไต่สวนฟังคำขอต่างๆหรือฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาเป็นต้นส่วนวันสืบพยานคือวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานวันที่ศาลนัดพิจารณาอาจจะมิใช่วันสืบพยานผู้ร้องและโจทก์จึงไม่จำต้องยื่นบัญชีพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามบทบัญญัติป.วิ.พ.มาตรา88.
of 49