พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนัดพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยเงินจากการบังคับคดี: ไม่ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยาน
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามส่วนศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่านัดพิจารณาสำเนาให้โจทก์จำเลยเช่นนี้วันนัดพิจารณาคือวันที่ศาลชี้สองสถานสืบพยานทำการไต่สวนฟังคำขอต่างๆหรือฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาเป็นต้นส่วนวันสืบพยานคือวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานวันที่ศาลนัดพิจารณาอาจจะมิใช่วันสืบพยานผู้ร้องและโจทก์จึงไม่จำต้องยื่นบัญชีพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามบทบัญญัติป.วิ.พ.มาตรา88.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการข่มขืน: การใช้มีดคัตเตอร์เพื่อระงับการประทุษร้ายโดยชอบธรรม
จำเลยเป็นหญิงอายุ20ปีรูปร่างเล็กกว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นชายอายุ31ปีและถูกผู้เสียหายปลุกปล้ำเพื่อร่วมประเวณีด้วยในห้องพักของโรงแรมจำเลยได้ต่อสู้ดิ้นรนกับการกระทำของผู้เสียหายขณะที่ถูกผู้เสียหายนอนกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้นจำเลยดึงมีดคัตเตอร์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังมาทำร้ายผู้เสียหายเป็นบาดแผลที่บริเวณคอความยาว12เซนติเมตรกว้าง1/2เซนติเมตรและลึก1เซนติเมตรแม้เป็นการกระทำโดยแรงถึงขั้นมีดคัตเตอร์หักแต่จำเลยก็กระทำครั้งเดียวเหตุที่มีดคัตเตอร์หักก็เป็นไปตามสภาพของมีดคัตเตอร์นั่นเองทั้งในสภาพที่ถูกกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้นจำเลยย่อมไม่มีทางจะเลือกกระทำต่อส่วนอื่นของร่างกายผู้เสียหายได้คงกระทำได้แต่ส่วนบนที่ไม่ได้กดทับจำเลยเท่านั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ป้องกันตัวจากการข่มขืน: การใช้กำลังที่สมควรแก่เหตุ
จำเลยเป็นหญิงอายุ 20 ปี รูปร่างเล็กกว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นชายอายุ 31 ปี และถูกผู้เสียหายปลุกปล้ำเพื่อร่วมประเวณีด้วยในห้องพักของโรงแรม จำเลยได้ต่อสู้ดิ้นรนกับการกระทำของผู้เสียหาย ขณะที่ถูกผู้เสียหายนอนกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้น จำเลยดึงมีดคัตเตอร์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังมาทำร้ายผู้เสียหาย เป็นบาดแผลที่บริเวณคอ ความยาว 12 เซนติเมตรกว้าง 1/2 เซนติเมตร และลึก 1 เซนติเมตร แม้เป็นการกระทำโดยแรง ถึงขั้นมีดคัตเตอร์หัก แต่จำเลยก็กระทำครั้งเดียวเหตุที่มีดคัตเตอร์หักก็เป็นไปตามสภาพของมีดคัตเตอร์นั่นเอง ทั้งในสภาพที่ถูกกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้น จำเลยย่อมไม่มีทางจะเลือกกระทำต่อส่วนอื่นของร่างกายผู้เสียหายได้ คงกระทำได้แต่ส่วนบนที่ไม่ได้กดทับจำเลยเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดหน้าที่ของลูกจ้างผู้จัดการโรงพิมพ์ ที่ปกปิดราคาจัดซื้อ ทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการจำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควรจำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื่อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ส.ประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวจำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วยการที่จำเลยไม่บอกให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง490,000บาทความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัดช.เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง180,000บาทเศษเท่านั้นและจำเลยยังบอกแก่ฆ.ประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เสอนเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้วยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วยนับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมากและเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลางและโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์คือค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องเสียไปในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.ส่วนดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าเครื่องไสสันทากาวที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัทบ.ตามคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระดังกล่าวก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงินซึ่งโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอยู่โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดหน้าที่ราชการ ผู้จัดการโรงพิมพ์ปกปิดราคาจัดซื้อ ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย
จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการ จำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควร จำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์ และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื่อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ ส.ประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวจำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วย การที่จำเลยไม่บอกให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง 490,000 บาท ความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง 180,000 บาทเศษเท่านั้น และจำเลยยังบอกแก่ ฆ.ประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วย นับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์ หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมาก และเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลาง และโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี แม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์คือค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องเสียไปในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ส่วนดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าเครื่องไสสันทากาวที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัท บ.ตามคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระดังกล่าวก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงินซึ่งโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอยู่ โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินชำระหนี้ธนาคาร ถือเป็นการขายตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 และเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษี
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการการที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลงนับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้วถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา77ซึ่งให้ความหมายของคำว่า"ขาย"ว่า"หมายความรวมถึงสัญญาจะขายขายฝากแลกเปลี่ยนให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย" แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วนมิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการการที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเองหนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้าจึงเป็นรายรับตามป.รัษฎากรมาตรา79อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ชำระหนี้ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษี หากเกี่ยวเนื่องกับการค้า
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลงนับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้ว ถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา 77 ซึ่งให้ความหมายของคำว่า'ขาย'ว่า'หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝากแลกเปลี่ยน ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย'
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฏากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฏากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินชำระหนี้ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 และ 79
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลง นับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้ว ถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา 77 ซึ่งให้ความหมายของคำว่า 'ขาย' ว่า 'หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย'
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคาร ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคาร ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินชำระหนี้ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษี หากเกี่ยวข้องกับการประกอบการค้า
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการการที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลงนับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้วถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา77ซึ่งให้ความหมายของคำว่า'ขาย'ว่า'หมายความรวมถึงสัญญาจะขายขายฝากแลกเปลี่ยนให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย' แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วนมิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการการที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเองหนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้าจึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฏากรมาตรา79อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3136/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพิกัดอัตราศุลกากร: คอนเดนเซอร์เป็นส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ไม่ใช่เครื่องจักร
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 35) พ.ศ. 2521 ซึ่งใช้บังคับขณะมีข้อพิพาท ไม่ได้ให้ความหมายของคำว่าเครื่องจักรไว้เป็นพิเศษ จึงต้องถือตามความหมายธรรมดา ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่าเป็นกลอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นเครื่องเพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยไม่ปรากฏว่าคอนเดนเซอร์สามารถนำไปใช้ผลิตอะไรขึ้นมาได้โดยลำพังอันจะถือได้ว่าเป็นเครื่องจักร
สินค้าที่จะถือว่าอยู่ในพิกัดประเภทที่ 84.17 ก. นั้นจะต้องเป็นเครื่องจักร เครื่องจักรโรงงานหรือเครื่องที่คล้ายกันสำหรับใช้ในห้องทดลองเสียก่อน และเครื่องจักรจะเข้าอยู่ในพิกัดประเภทดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นเครื่องจักรที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนสภาพโดยกรรมวิธีดังที่ระบุไว้ด้วย แม้คอนเดนเซอร์จะสามารถเปลี่ยนสภาพของก๊าซได้โดยกรรมวิธีที่ระบุไว้ในพิกัดประเภทที่ 84.17 ก. ก็หาได้หมายความว่าคอนเดนเซอร์จะกลายเป็นเครื่องจักรไปด้วยไม่ ไม่ปรากฏว่าคอนเดนเซอร์สามารถนำไปใช้ผลิตอะไรขึ้นมาได้โดยลำพังอันจะถือได้ว่าเป็นเครื่องจักร หากแต่ต้องนำไปประกอบกับส่วนประกอบอื่นๆ อีก จึงสามารถทำงานเป็นเครื่องปรับอากาศได้ คอนเดนเซอร์จึงมีลักษณะเป็นส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศยิ่งกว่าเป็นเครื่องจักรในตัวของมันเอง จึงต้องเสียอากรตามพิกัดประเภทที่ 84.15 ข. หาใช่พิกัดประเภทที่ 84.17 ก. ซึ่งมิได้กล่าวถึงส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศไว้แต่อย่างใดไม่
ไม่ปรากฏว่าคอนเดนเซอร์สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เมื่อสามารถนำคอนเดนเซอร์ไปใช้ประกอบเป็นเครื่องปรับอากาศได้มาแต่เดิมก็ต้องถือว่าเป็นเครื่องประกอบเครื่องปรับอากาศมาตั้งแต่ตอนโจทก์นำเข้ามาจากต่างประเทศแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้นำส่วนประกอบอื่นเข้ามาด้วย และยังไม่ได้มีการประกอบเป็นเครื่องปรับอากาศก็ตาม
สินค้าที่จะถือว่าอยู่ในพิกัดประเภทที่ 84.17 ก. นั้นจะต้องเป็นเครื่องจักร เครื่องจักรโรงงานหรือเครื่องที่คล้ายกันสำหรับใช้ในห้องทดลองเสียก่อน และเครื่องจักรจะเข้าอยู่ในพิกัดประเภทดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นเครื่องจักรที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนสภาพโดยกรรมวิธีดังที่ระบุไว้ด้วย แม้คอนเดนเซอร์จะสามารถเปลี่ยนสภาพของก๊าซได้โดยกรรมวิธีที่ระบุไว้ในพิกัดประเภทที่ 84.17 ก. ก็หาได้หมายความว่าคอนเดนเซอร์จะกลายเป็นเครื่องจักรไปด้วยไม่ ไม่ปรากฏว่าคอนเดนเซอร์สามารถนำไปใช้ผลิตอะไรขึ้นมาได้โดยลำพังอันจะถือได้ว่าเป็นเครื่องจักร หากแต่ต้องนำไปประกอบกับส่วนประกอบอื่นๆ อีก จึงสามารถทำงานเป็นเครื่องปรับอากาศได้ คอนเดนเซอร์จึงมีลักษณะเป็นส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศยิ่งกว่าเป็นเครื่องจักรในตัวของมันเอง จึงต้องเสียอากรตามพิกัดประเภทที่ 84.15 ข. หาใช่พิกัดประเภทที่ 84.17 ก. ซึ่งมิได้กล่าวถึงส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศไว้แต่อย่างใดไม่
ไม่ปรากฏว่าคอนเดนเซอร์สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เมื่อสามารถนำคอนเดนเซอร์ไปใช้ประกอบเป็นเครื่องปรับอากาศได้มาแต่เดิมก็ต้องถือว่าเป็นเครื่องประกอบเครื่องปรับอากาศมาตั้งแต่ตอนโจทก์นำเข้ามาจากต่างประเทศแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้นำส่วนประกอบอื่นเข้ามาด้วย และยังไม่ได้มีการประกอบเป็นเครื่องปรับอากาศก็ตาม