คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสภณ รัตนากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น: คำพูดเร้าใจหลังการลงมือ
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนายน.ว่า'ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย'ภายหลังจากที่นายน.ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป1นัดแล้วคำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนายน.ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นายน.กระทำความผิดหากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นายน.ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นายน.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา86.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดยุยงหลังการยิงไม่เป็นความร่วมมือ แต่เป็นสนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนาย น. ว่า "ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย" ภายหลังจากที่นาย น. ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดแล้ว คำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนาย น. ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นายน. กระทำความผิด หากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นายน. ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นาย น. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิด ยุยงเร้าใจหลังลงมือยิง ไม่ถือเป็นตัวการร่วมหรือก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนาย น. ว่า "ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย" ภายหลังจากที่นาย น. ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดแล้ว คำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนาย น. ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นาย น.กระทำความผิด หากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นาย น.ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นาย น. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน ปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้อง หากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิด คำสั่ง ศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเอง โจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควร การที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง 2 เดือนเศษ และหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใด พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1774(2), 247 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน ปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้อง หากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิด คำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเอง โจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควร การที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง 2เดือนเศษ และหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใด พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1774(2),247 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน7วันปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่งศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องหากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิดคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเองโจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควรการที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง2เดือนเศษและหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใดพฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามป.วิ.พ.มาตรา1774(2),247แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การจ่ายเงินอายัดถือเป็นการ 'จำหน่าย' ตามกฎหมาย
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินซึ่งจำเลยที่ 3 ที่ 5 ได้รับชำระหนี้ในคดีอื่นไว้นั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไปจึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์เจ้าหนี้ในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่อายัดตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และคำว่า'จำหน่าย' หามีความหมายเพียงการขายอย่างเดียวไม่แต่ยังหมายถึง 'จ่าย แจก แลกเปลี่ยน เอาออกใช้หรือให้' ด้วย การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นการจำหน่ายเงินที่อายัดแล้ว ที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินที่อายัดตามข้อ 2 จึงถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี: การจ่ายเงินที่อายัดแก่เจ้าหนี้ ถือเป็นการ 'จำหน่าย' ตามกฎหมาย
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินซึ่งจำเลยที่3ที่5ได้รับชำระหนี้ในคดีอื่นไว้นั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไปจึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์เจ้าหนี้ในอัตราร้อยละ3ครึ่งของจำนวนเงินที่อายัดตามตาราง5ข้อ2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและคำว่า'จำหน่าย'หามีความหมายเพียงการขายอย่างเดียวไม่แต่ยังหมายถึง'จ่ายแจกแลกเปลี่ยนเอาออกใช้หรือให้'ด้วยการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นการจำหน่ายเงินที่อายัดแล้วที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินที่อายัดตามข้อ2จึงถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การจ่ายเงินที่อายัดถือเป็นการ 'จำหน่าย' ตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินซึ่งจำเลยได้รับชำระหนี้ในคดีอื่นไว้เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไปต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์เจ้าหนี้ในอัตราร้อยละ3ครึ่งของจำนวนเงินที่อายัดตามตาราง5ข้อ2ท้ายป.วิ.พ.คำว่า"จำหน่าย"หามีความหมายเพียงการขายอย่างเดียวไม่แต่ยังหมายถึง"จ่ายแจกแลกเปลี่ยนเอาออกใช้หรือให้"ด้วยการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นการจำหน่ายเงินที่อายัดแล้ว".

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การจ่ายเงินที่อายัดถือเป็นการ 'จำหน่าย' ตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินซึ่งจำเลยได้รับชำระหนี้ในคดีอื่นไว้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไป ต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์เจ้าหนี้ในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่อายัดตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้าย ป.วิ.พ. คำว่า "จำหน่าย"หามีความหมายเพียงการขายอย่างเดียวไม่ แต่ยังหมายถึง "จ่าย แจกแลกเปลี่ยน เอาออกใช้หรือให้" ด้วย การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นการจำหน่ายเงินที่อายัดแล้ว".
of 49