พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับจำนอง: จำนวนเงินจำนองเกินจำนวนที่จำนองไว้ สิทธิในการบังคับจำนองเรือนพิพาท
จำเลยที่1กู้เงินผู้ร้องไป260,700บาทโดยจำนองที่ดินพร้อมด้วยเรือนพิพาทเป็นประกันในวงเงินไม่เกิน97,700บาทผู้ร้องฟ้องจำเลยที่1เพื่อบังคับจำนองศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้ดังกล่าวและเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงิน115,000บาทแต่มิได้ยึดเรือนพิพาทจำเลยที่1ยังคงค้างชำระหนี้ผู้ร้องอยู่อีก130,000บาทดังนี้ผู้ร้องจะบังคับจำนองเอากับที่ดินและเรือนพิพาทได้ไม่เกิน97,700บาทเท่านั้นไม่ว่าจะแยกบังคับหรือบังคับเอาพร้อมกันเมื่อผู้ร้องบังคับจำนองเฉพาะที่ดินได้เงินจำนวน115,000บาทเกินจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้ก็ไม่มีสิทธิจะบังคับจำนองเอากับเรือนพิพาทอีกแม้การจำนองจะคลุมถึงหนี้อื่นเช่นดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วยแต่ผู้ร้องก็ไม่ได้นำสืบว่าหนี้ดังกล่าวมีจำนวนแน่นอนแยกได้จากหนี้สามัญเท่าใดผู้ร้องจึงไม่อาจอาศัยอำนาจแห่งการจำนองนั้นขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดเรือนพิพาทก่อนเจ้าหนี้อื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองเกินวงเงิน: สิทธิบังคับจำนองสงวนเฉพาะวงเงินที่ระบุ แม้มีหนี้อื่นเพิ่ม
จำเลยที่ 1 กู้เงินผู้ร้องไป 260,700 บาท โดยจำนองที่ดินพร้อมด้วยเรือนพิพาทเป็นประกันในวงเงินไม่เกิน 97,700 บาทผู้ร้องฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้ดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงิน 115,000 บาท แต่มิได้ยึดเรือนพิพาท จำเลยที่ 1 ยังคงค้างชำระหนี้ผู้ร้องอยู่อีก 130,000 บาท ดังนี้ ผู้ร้องจะบังคับจำนองเอากับที่ดินและเรือนพิพาทได้ไม่เกิน 97,700 บาท เท่านั้นไม่ว่าจะแยกบังคับหรือบังคับเอาพร้อมกันเมื่อผู้ร้องบังคับจำนองเฉพาะที่ดินได้เงินจำนวน 115,000 บาท เกินจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้ ก็ไม่มีสิทธิจะบังคับจำนองเอากับเรือนพิพาทอีก แม้การจำนองจะคลุมถึงหนี้อื่นเช่นดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้นำสืบว่าหนี้ดังกล่าวมีจำนวนแน่นอนแยกได้จากหนี้สามัญเท่าใด ผู้ร้องจึงไม่อาจอาศัยอำนาจแห่งการจำนองนั้นขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดเรือนพิพาทก่อนเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับจำนอง: บังคับจำนองเกินวงเงินที่ระบุในสัญญาไม่ได้ แม้มีหนี้ดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 กู้เงินผู้ร้องไป 260,700 บาท โดยจำนองที่ดินพร้อมด้วยเรือนพิพาทเป็นประกันในวงเงินไม่เกิน 97,700 บาท ผู้ร้องฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้ดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงิน 115,000 บาท แต่มิได้ยึดเรือนพิพาท จำเลยที่ 1 ยังคงค้างชำระหนี้ผู้ร้องอยู่อีก 130,000 บาท ดังนี้ ผู้ร้องจะบังคับจำนองเอากับที่ดินและเรือนพิพาทได้ไม่เกิน 97,700 บาท เท่านั้นไม่ว่าจะแยกบังคับหรือบังคับเอาพร้อมกันเมื่อผู้ร้องบังคับจำนองเฉพาะที่ดินได้เงินจำนวน 115,000 บาท เกินจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้ ก็ไม่มีสิทธิจะบังคับจำนองเอากับเรือนพิพาทอีกแม้การจำนองจะคลุมถึงหนี้อื่นเช่นดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้นำสืบว่าหนี้ดังกล่าวมีจำนวนแน่นอนแยกได้จากหนี้สามัญเท่าใด ผู้ร้องจึงไม่อาจอาศัยอำนาจแห่งการจำนองนั้นขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดเรือนพิพาทก่อนเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์ (ข้าว) ความผิดทางอาญาและกฎหมายพิเศษ ผู้สนับสนุนความผิด
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้การฝากข้าวซึ่งเป็นสังหมะทรัพย์นั้นหากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่. เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือแม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะคดีสำหรับจำเลยที่1เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยที่2มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489จำเลยที่2ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกและยักย้ายข้าว: การพิจารณาความผิดทางอาญาและบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้รับฝากมีหน้าที่ต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ในการฝากข้าวซึ่งเป็นสังกมะทรัพย์นั้นถ้าผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากก็เป็นเรื่องของการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้แม้ว่าจะมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะว่าคดีสำหรับจำเลยที่1ได้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม ความผิดฐานยักยอกตามป.อ.กับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.การค้าข้าวเป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพ.ร.บ.การค้าข้าวจำเลยก็มีความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกข้าว, ความผิดอาญา, และความผิดตาม พรบ.การค้าข้าว: การลงโทษฐานความผิดหลายบท
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้ การฝากข้าวซึ่งเป็น
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การแจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความตายเพื่อหลีกเลี่ยงคดี
เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนได้ความจากคำเบิกความของนาง ต. นาย ศ. เองว่า นาง ต. นาย ศ. กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้ว ศาลก็ลงโทษได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นใดต่อไปอีก
นาย ก. ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกันยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายตามมรรณบัตรโดยได้รับแจ้งจากนาง ต. เมื่อศาลเรียกนาง ต. ไปสอบถาม นาง ต. ก็แถลงยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย และนาย ศ.ออกมรณบัตรให้นาง ต.พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้แจ้งไว้ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย การที่นาง ต. มอบมรณบัตรที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาย ก. นำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น และการที่นาง ต. แถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
นาย ศ. ออกมรณบัตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาง ต.ไปโดยรู้ว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง และรู้เห็นด้วยในการที่นาง ต. นำมรณบัตรนั้นให้นาย ก. ไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น แม้นาย ศ.มิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเอง พฤติการณ์ของนาย ศ. ดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน.
นาย ก. ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกันยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายตามมรรณบัตรโดยได้รับแจ้งจากนาง ต. เมื่อศาลเรียกนาง ต. ไปสอบถาม นาง ต. ก็แถลงยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย และนาย ศ.ออกมรณบัตรให้นาง ต.พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้แจ้งไว้ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย การที่นาง ต. มอบมรณบัตรที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาย ก. นำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น และการที่นาง ต. แถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
นาย ศ. ออกมรณบัตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาง ต.ไปโดยรู้ว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง และรู้เห็นด้วยในการที่นาง ต. นำมรณบัตรนั้นให้นาย ก. ไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น แม้นาย ศ.มิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเอง พฤติการณ์ของนาย ศ. ดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการออกมรณบัตรเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม
เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนได้ความจากคำเบิกความของนางต.นายศ.เองว่านางต.นายศ.กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้วศาลก็ลงโทษได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นใดต่อไปอีก นายก.ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกันยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายตามมรรณบัตรโดยได้รับแจ้งจากนางต.เมื่อศาลเรียกนางต.ไปสอบถามนางต.ก็แถลงยืนยันว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายและนายศ.ออกมรณบัตรให้นางต.พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้แจ้งไว้เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายการที่นางต.มอบมรณบัตรที่แสดงว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายให้นายก.นำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นและการที่นางต.แถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล นายศ.ออกมรณบัตรแสดงว่าจำเลยที่2ถึงแก่ความตายให้นางต.ไปโดยรู้ว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงและรู้เห็นด้วยในการที่นางต.นำมรณบัตรนั้นให้นายก.ไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นแม้นายศ.มิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเองพฤติการณ์ของนายศ.ดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลจำกัดประเด็นข้อพิพาท, ตัวแทน, หน้าที่ส่งมอบเงิน, และการผิดนัด
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนโจทก์จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตัวแทนโจทก์แต่เป็นตัวแทนจำเลยร่วมประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่าโจทก์ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนหรือไม่ส่วนที่จำเลยให้การเลยไปถึงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนนั้นศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปถึงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นข้อพิพาท. จำเลยร่วมซึ่งร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยโดยอ้างเหตุว่ามีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(2)มีฐานะเสมอด้วยจำเลยและมีสิทธิต่อสู้คดีได้เพียงเท่าที่จำเลยมีอยู่เท่านั้นจึงไม่ต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่เพื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นหรือไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นข้อพิพาท และหน้าที่ของตัวแทนในการส่งมอบทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนโจทก์จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตัวแทนโจทก์แต่เป็นตัวแทนจำเลยร่วมประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่าโจทก์ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนหรือไม่ส่วนที่จำเลยให้การเลยไปถึงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนนั้นศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปถึงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นข้อพิพาท จำเลยร่วมซึ่งร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยโดยอ้างเหตุว่ามีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีตามป.วิ.พ.มาตรา57(2)มีฐานะเสมอด้วยจำเลยและมีสิทธิต่อสู้คดีได้เพียงเท่าที่จำเลยมีอยู่เท่านั้นจึงไม่ต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่เพื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นหรือไม่.