คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสภณ รัตนากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาประมูล: การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข, การริบเงินประกัน, และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
เงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟมีว่า ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องมาทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟภายใน 15 วันหากไม่มาทำสัญญาจะถือว่าสละสิทธิการรถไฟฯ จะริบเงินประกันซอง ดังนี้ แสดงว่าสัญญาที่คู่กรณีมุ่งจะทำนั้นจะต้องเป็นหนังสือ แม้คู่กรณีตกลงกันในเรื่องค่าเช่าได้แล้วก็ตาม ตราบใดที่คู่กรณียังไม่ทำสัญญาเช่าต่อกันถือได้ว่าสัญญาระหว่างคู่กรณียังไม่เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสองและเมื่อผู้ชนะการประกวดข้อเสนอไม่มาทำสัญญาตามกำหนด การรถไฟฯ จำเลยมีสิทธิริบเงินประกันซองอันเป็นเบี้ยปรับตามเงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอดังกล่าวได้ตาม มาตรา 383 วรรคสอง เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายกับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเกิดสัญญาและการริบเบี้ยปรับตามเงื่อนไขประกวดข้อเสนอ
เงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟ ฯ มีว่า "ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องมาทำสัญญากับการรถไฟ ฯ ภายในระยะเวลา 15 วัน หากไม่มาทำสัญญาจะถือว่าสละสิทธิการรถไฟ ฯ จะริบเงินประกันซอง.........." ดังนี้แสดงว่าสัญญาที่คู่กรณีมุ่งจะทำ นั้นต้องทำเป็นหนังสือ แม้คู่กรณีตกลงกันได้แล้วก็ตาม ตราบใดที่คู่กรณียังไม่ทำสัญญา ต่อกัน ถือได้ว่าสัญญาระหว่างคู่กรณียังไม่เกิดขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง และเมื่อผู้ชนะการประกวดข้อเสนอไม่มาทำสัญญาตามกำหนดการรถไฟ ฯ มีสิทธิริบเงินประกันซองอันเป็นเบี้ยปรับตามเงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนภาษีโรงเรือนโดยไม่ขอประเมินใหม่ตามกฎหมาย
การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปในปีภาษี 2520 และ 2522 โดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้น เป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบ เมื่อโจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้น โจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 และ 26 ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดในมาตรา 31 ของกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนภาษีโรงเรือนโดยไม่ขอพิจารณาการประเมินใหม่ ขัดต่อก.ม.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปแล้วโดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้นเป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบในเมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันฟังเป็นยุติว่าเงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้นโจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา25และ26ของพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา31ของกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและการทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. โดยเจตนาฆ่า แต่ ส.ไม่ถึงแก่ความตายเพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 ด้วย เช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส มาตรา 297 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องปืนลั่นและการกระทำโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม มาตรา 297ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับความผิดตามมาตรา 297 จึงมีผลเท่ากับ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่า โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าในปัญหา ข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 297 ซึ่งศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาไม่รอการลงโทษ และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก1ปีรอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา221ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับพิจารณาได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณา: คดีจำคุกไม่เกิน 1 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาไม่ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก1ปีรอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา221ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับพิจารณาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานขัดแย้งไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยกระทำผิด ฎีกาไม่รับฟัง
แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตายแต่จำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้องส่วนพยานหลักฐานอื่นของโจทก์นั้นนอกจากเป็นพยานบอกเล่าไม่มีพยานอื่นประกอบแล้วยังแตกต่างขัดกันอีกด้วยพยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยกระทำผิด ฎีกาไม่รับฟัง
แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตาย แต่จำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้อง ส่วนพยานหลักฐานอื่นของโจทก์นั้น นอกจากเป็นพยานบอกเล่าไม่มีพยานอื่นประกอบแล้วยังแตกต่างขัดกันอีกด้วย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้
of 49