คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสภณ รัตนากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงหุ้นและการฟ้องล้มละลาย: เจ้าหนี้มีประกันต้องปฏิบัติตามมาตรา 10(2) พ.ร.บ.ล้มละลาย
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายอ้างว่าโจทก์เป็นตัวแทนซื้อหุ้นของบริษัทให้แก่จำเลยผู้เป็นตัวการ โจทก์ได้ออกเงินทดรองชำระค่าหุ้นดังกล่าวแทนจำเลยไปก่อน เช่นนี้โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นสำหรับหุ้นที่โจทก์ซื้อแทนจำเลยและยังคงอยู่ในความครอบครองของโจทก์ได้จนกว่าจำเลยจะชำระเงินที่โจทก์ทดรองออกแทนจำเลยไปก่อน ทั้งนี้ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241, 244 และ 819 แม้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ก็เป็นเรื่องจะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น สิทธิยึดหน่วงของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดไม่ เมื่อโจทก์มีสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลย โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 6 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1725/2528) ฉะนั้นการที่ฟ้องให้จำเลยล้มละลายโจทก์จึงต้องปฏิบัติตาม มาตรา 10 (2) โดยกล่าวมาในฟ้องว่าถ้าจำเลยล้มละลายแล้วโจทก์ยอมสละหุ้นของจำเลยแก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย หรือตีราคาหุ้นดังกล่าวมาในฟ้องด้วย เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงและการฟ้องล้มละลาย: เจ้าหนี้มีประกันต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
โจทก์ได้ออกเงินทดรองชำระค่าหุ้นแทนจำเลยไปในฐานะตัวแทนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นตัวการโจทก์ย่อมมีสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นเหล่านั้นที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของโจทก์ได้จนกว่าจำเลยจะชำระเงินที่โจทก์ออกทดรองแทนจำเลยไปตาม ป.พ.พ.มาตรา241,244และ819 การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นไม่ทำให้สิทธิยึดหน่วงของโจทก์ตาม ป.พ.พ.เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดไม่ดังนั้นเมื่อโจทก์มีสิทธิยึดหน่วงใบหุ้นซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยโจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้มีประกันตาม พ.ร.บ.ล้มละลายมาตรา6และในการฟ้องให้จำเลยล้มละลายนั้นโจทก์จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ล้มละลายมาตรา10(2)โดยกล่าวมาในฟ้องว่าถ้าจำเลยล้มละลายแล้วโจทก์ยอมสละหุ้นของจำเลยแก่เจ้าหนี้ทั้งหลายหรือตีราคาหุ้นดังกล่าวมาในฟ้องด้วยมิฉะนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการคุ้มครอง พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม: การเช่าสวนไม่ได้รับการคุ้มครองหากไม่มีพระราชกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 บัญญัติคุ้มครองเฉพาะการเช่านา ส่วนการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างอื่นนั้น มาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า หากรัฐบาลเห็นสมควรกำหนดให้มีการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านาก็ให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการควบคุมการประกอบเกษตรกรรมประเภทใดอีก จึงแสดงว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ประสงค์ให้มีการควบคุมคุ้มครองไปถึงการเช่าที่สวน โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินเพื่อทำสวนจึงไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4952/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังจดทะเบียนซื้อขาย การยึดถือแทน vs. ยึดถือเพื่อตนเอง และผลกระทบต่อคำสั่งศาล
เมื่อจำเลยทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบยียนโอนที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงนั้นย่อมโอนไปเป็นของโจทก์ทันทีโดยไม่ต้องกระทำการส่งมอบกันอีกการที่จำเลยยังคงยึดถือที่ดินดังกล่าวต่อไปเช่นเดิมภายหลังทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนโอนนั้นเป็นเพียงยึดถือไว้แทนโจทก์เท่านั้น หาใช่ยึดถือเพื่อตนเองไม่ และไม่เป็นการแย่งการครอบครองหรือครอบครองปรปักษ์ต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 โจทก์จึงมีสิทธิในที่ดินตามฟ้องดีกว่าจำเลย หากจำเลยจะยึดถือเพื่อตนเองโดยเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยต้องบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือให้โจทก์ทราบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 คำสั่งของศาลว่าที่ดินตามฟ้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์นั้น ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งมีสิทธิในที่ดินดีกว่าจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4949/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวนและการเปรียบเทียบปรับ ไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานใหม่
การที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ผลของการเปรียบเทียบปรับดังกล่าวไม่ใช่คำพิพากษาในส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ดังนั้นการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามดังที่บัญญัติไว้ในบทมาตราดังกล่าว และจำเลยอาจนำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4919/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายที่ไม่ระบุจำนวน ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อตกลงตามบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวนมีข้อความว่า'พ. ผู้ขับขี่ยินยอมรับผิดและยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับธ. แต่ในวันนี้ยังไม่สามารถทำการตกลงค่าเสียหายได้ได้นัดให้คู่กรณีมาตกลงค่าเสียหายกันใหม่ในวันต่อไปจึงบันทึกไว้ ฯลฯ' ตามบันทึกดังกล่าวที่คู่กรณีตกลงกันได้คือ พ. ยอมรับผิดและยอมชดใช้ค่าเสียหายให้เท่านั้น แต่จำนวนค่าเสียหายที่ยอมชดใช้ยังตกลงกันไม่ได้ จะต้องตกลงกันอีกครั้งหนึ่งในวันต่อไปตามที่พนักงานสอบสวนนัดไว้ดังนี้ข้อพิพาทเรื่องจำนวนค่าเสียหายยังไม่เสร็จสิ้นข้อตกลงตามบันทึกประจำวันดังกล่าว จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4895/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขัดทรัพย์: สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกยึด
คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าอ้างว่า ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลย เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าว และจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ โจทก์ย่อมยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ผู้ร้องทั้งห้าจะร้องขัดทรัพย์ขอให้ถอนการยึดและระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหาได้ไม่แม้ผู้ร้องจะอ้างว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินเป็นสัดส่วนแต่ก็ไม่ได้ระบุว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนไหนจนได้กรรมสิทธิ์แยกไปจากที่ดินส่วนที่เป็นของผู้ร้อง อันจะแบ่งขายที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยโดยเฉพาะได้ จำเลยยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 4 อยู่ จึงไม่อาจแยกขายทอดตลาดที่ดินส่วนของจำเลยได้ คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าในส่วนที่ขอให้กันเงินค่าขายที่ดินและบ้านให้แก่ผู้ร้องหากมีการขายทอดตลาดนั้นเป็นเรื่องขอให้ศาลกันส่วนของผู้ร้องในที่ดินและบ้านหาใช่เป็นเรื่องร้องขัดทรัพย์ไม่หากผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลยจริง เมื่อมีการขายทอดตลาดที่ดินและบ้าน ผู้ร้องก็มีสิทธิขอกันเงินค่าที่ดินและบ้านตามส่วนที่ตนมีกรรมสิทธิ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4880/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนเถื่อนและใช้เอกสารราชการปลอม
อาวุธปืน 2 กระบอกมีหมายเลขทะเบียนตรงกัน โดยอาวุธปืนยี่ห้อเมาเซอร์เป็นอาวุธปืนที่ทางราชการออกใบอนุญาตให้จำเลยมีและใช้โดยแท้จริง อาวุธปืนยี่ห้อสเตอร์ลิงจำเลยมีไว้ในความครอบครองในภายหลังและหมายเลขทะเบียนปืนที่ตอกลงบนอาวุธปืนยี่ห้อสเตอร์ลิงที่จำเลยอ้างต่อพนักงานสอบสวน เป็นหมายเลขทะเบียนปลอม จำเลยมีอาวุธปืนดังกล่าวพร้อมเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้หมายเลขทะเบียนปืนอันเป็นเอกสารราชการปลอม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 และ พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681-4682/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฎีกาล่วงกำหนดอายุความ และการไต่สวนละเมิดอำนาจศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อความตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ 3 ขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาเป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายและวิธีพิจารณาความรวมหลายประการ จึงเป็นการเพิ่มประเด็นจากที่ฎีกาไว้เดิม การขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ 3 จึงต้องอยู่ในบังคับอายุฎีกาหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ดังนั้นการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ 3 ขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาเมื่อล่วงเลยกำหนดอายุฎีกาแล้ว จึงรับไว้เป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเดิมไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนต่อมาภายหลังจากที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว เป็นการไต่สวนเพื่อหาความจริงเรื่องละเมิดอำนาจศาลตามอำนาจของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เป็นการสืบพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการสืบพยานแทนจำเลยเพื่อหักล้างคำฟ้องของโจทก์ดังที่โจทก์ฎีกา การรับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำผิดเป็นเรื่องของผลซึ่งเกิดขึ้นจากการไต่สวนดังกล่าวแล้วนั้นเอง เมื่อข้อเท็จจริงจากการไต่สวนรับฟังได้ว่าจำเลยเข้ามารับสมอ้างว่าเป็นผู้กระทำผิด ย่อมเป็นเหตุให้ผู้กระทำผิดที่แท้จริงไม่ต้องถูกลงโทษทำให้กระบวนพิจารณาไม่อาจดำเนินไปตามความเที่ยงธรรมได้ การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4585/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรื้อถอนอาคารดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ครอบครองไม่ต้องเป็นเจ้าของ
จำเลยเป็นผู้เช่าอาคารพิพาท จึงมีสิทธิครอบครองอาคารในฐานะผู้เช่า ว. น้องชายจำเลยมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านอาคารพิพาทก็โดยการมอบหมายจากจำเลย ว. จึงเข้าครอบครองอาคารพิพาทแทนจำเลยเท่านั้น และแม้จำเลยจะมีชื่อเป็นเจ้าบ้านแห่งอื่นก็มิได้หมายความว่าจำเลยจะเป็นผู้ครอบครองอาคารอื่นอีกไม่ได้ จำเลยยังคงเป็นผู้ครอบครองอาคารดังกล่าวอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจขอให้ศาลสั่งให้ผู้ครอบครองอาคารที่ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นผู้รื้อถอนได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22,40,42 โดยผู้ครอบครองอาคารหาจำเป็นต้องเป็นเจ้าของอาคารด้วยไม่
of 49