พบผลลัพธ์ทั้งหมด 944 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4149/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การปรับบทความผิดจากฆ่าผู้อื่นเป็นทำร้ายร่างกาย และการแก้ไขโทษ
ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่เจตนาทำร้ายเป็นผลให้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้นและลักษณะบาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย จำเลยที่1 และที่ 3 คงมีความผิดตามมาตรา 295 เท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 และที่ 3 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษและวางอัตราโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขปรับบทและวางอัตราโทษเสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4128/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ความเสียหายจากต้นไม้ล้ม: โจทก์ต้องพิสูจน์ความบกพร่องในการดูแลของจำเลย
แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434 จะบัญญัติให้ผู้ครองหรือเจ้าของต้นไม้ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่มูลละเมิดในเรื่องนี้เป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นจากความบกพร่องในการปลูกหรือค้ำจุนต้นมะพร้าวที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ของจำเลย โจทก์ก็มีภาระที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า เหตุที่ต้นมะพร้าวล้มจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เกิดจากความบกพร่องในการปลูก หรือค้ำจุนของจำเลยหาใช่ว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4128/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ความเสียหายจากต้นไม้ล้ม: ผู้กล่าวอ้างต้องพิสูจน์ความบกพร่องในการดูแล
แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434 จะบัญญัติให้ผู้ครองหรือเจ้าของต้นไม้ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ตามแต่มูลละเมิดในเรื่องนี้เป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นจากความบกพร่องในการปลูกหรือค้ำจุนต้นมะพร้าวที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ของจำเลยโจทก์ก็มีภาระที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า เหตุที่ต้นมะพร้าวล้มจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เกิดจากความบกพร่องในการปลูกหรือค้ำจุนของจำเลยหาใช่ว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งมรดก: การไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกเกิน 1 ปี ทำให้ฟ้องคดีขาดอายุความ
โจทก์มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องถือสิทธิครอบครองในที่ดินมรดกร่วมกับ ทายาทอื่นเป็นเวลาประมาณ 30 ปี นับแต่เจ้ามรดก ถึงแก่ความตาย การที่โจทก์มาฟ้องขอแบ่งมรดกเกินกว่า1 ปี หลังจากเจ้ามรดก ถึงแก่ความตายคดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งมรดก: การครอบครองและระยะเวลาหลังเจ้ามรดกถึงแก่ความตายมีผลต่ออายุความ
โจทก์มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องถือสิทธิครอบครองในที่ดินมรดกร่วมกับ ทายาทอื่นเป็นเวลาประมาณ 30 ปี นับแต่เจ้ามรดก ถึงแก่ความตาย การที่โจทก์มาฟ้องขอแบ่งมรดกเกินกว่า1 ปี หลังจากเจ้ามรดก ถึงแก่ความตายคดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน หากเงื่อนไขการสืบพยานไม่เป็นไปตามที่ตกลง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาชื่อสัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินสดขาดบัญชีระหว่างที่จำเลย เป็นผู้จัดการร้านโจทก์ความว่าข้อ 1.จำเลย ยอมรับผิดชดใช้เงินสด ขาดบัญชีที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็น ผู้จัดการร้านโจทก์เป็นเงิน 36,667.75บาท และยอดเงินสดคงเหลือ เมื่อวันจำเลยออกจากตำแหน่งผู้จัดการร้านโจทก์มีเงินขาดบัญชีอีก 15,738.21 บาทข้อ2.จำเลยขอเวลาทำการตรวจสอบหลักฐานทางบัญชี ตามที่ผู้สอบบัญชีอ้างว่ามีเงินสดขาดบัญชีเพื่อความแน่นอนเป็นเวลา 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา หากพบหลักฐานการเงินที่สามารถนำมา หักกลบลบเงินขาดบัญชีโดยผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการ ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วย จำเลยยินยอมชดใช้ส่วนที่ยังขาดอยู่ ให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยได้ตรวจสอบบัญชีตามสัญญาข้อ 2. และแจ้งให้โจทก์ทราบแต่ผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการของร้านโจทก์ ไม่เห็นชอบด้วย ดังนี้ สัญญาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายตกลงระงับข้อพิพาททั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้นโดยตกลงผ่อนผันให้แก่กันในจำนวนเงินที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็นผู้จัดการร้านโจทก์และ ส่งมอบเงินสดขาดบัญชีขณะจำเลยพ้นจากตำแหน่งโดยจำเลยยอมรับผิด ชดใช้เงินดังกล่าวทั้งสองสำนวนและโจทก์ไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยทางแพ่ง และทางอาญาสัญญาฉบับนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 อันมีผลทำให้การเรียกร้อง ของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ขณะนั้นระงับสิ้นไปคงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ใน สัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เท่านั้นดังนั้นการที่จำเลย จะขอนำสืบพยานตามเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความและ รับสภาพหนี้ ข้อ2 ได้ก็ต้องให้ผู้ตรวจบัญชีและคณะกรรมการดำเนินงาน ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วยซึ่งจำเลยก็ยอมรับแล้วว่าบุคคลดังกล่าว มิได้ยินยอมเห็นชอบด้วยกับหลักฐานที่จำเลยนำมาแสดงดังนั้นโดย สัญญาข้อ 2 จำเลยจึงไม่มีสิทธิสืบพยานต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้งดสืบพยานของคู่ความจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และขอบเขตการสืบพยานตามสัญญา
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาชื่อสัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินสดขาดบัญชีระหว่างที่จำเลย เป็นผู้จัดการร้านโจทก์ความว่าข้อ 1.จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินสด ขาดบัญชีที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็น ผู้จัดการร้านโจทก์เป็นเงิน 36,667.75 บาท และยอดเงินสดคงเหลือ เมื่อวันจำเลยออกจากตำแหน่งผู้จัดการร้านโจทก์มีเงินขาดบัญชีอีก 15,738.21 บาทข้อ 2. จำเลยขอเวลาทำการตรวจสอบหลักฐานทางบัญชี ตามที่ผู้สอบบัญชีอ้างว่ามีเงินสดขาดบัญชีเพื่อความแน่นอนเป็นเวลา 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา หากพบหลักฐานการเงินที่สามารถนำมา หักกลบลบเงินขาดบัญชีโดยผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการ ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วย จำเลยยินยอมชดใช้ส่วนที่ยังขาดอยู่ ให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยได้ตรวจสอบบัญชีตามสัญญาข้อ 2. และแจ้ง ให้โจทก์ทราบแต่ผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการของร้านโจทก์ ไม่เห็นชอบด้วย ดังนี้ สัญญาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายตกลงระงับข้อพิพาททั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้นโดยตกลงผ่อนผันให้แก่กันในจำนวนเงินที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็นผู้จัดการร้านโจทก์และ ส่งมอบเงินสดขาดบัญชีขณะจำเลยพ้นจากตำแหน่งโดยจำเลยยอมรับผิด ชดใช้เงินดังกล่าวทั้งสองสำนวนและโจทก์ไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยทางแพ่ง และทางอาญาสัญญาฉบับนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 อันมีผลทำให้การเรียกร้อง ของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ขณะนั้นระงับสิ้นไปคงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ใน สัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เท่านั้นดังนั้นการที่จำเลย จะขอนำสืบพยานตามเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความและ รับสภาพหนี้ ข้อ 2 ได้ก็ต้องให้ผู้ตรวจบัญชีและคณะกรรมการดำเนินงาน ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วยซึ่งจำเลยก็ยอมรับแล้วว่าบุคคลดังกล่าว มิได้ยินยอมเห็นชอบด้วยกับหลักฐานที่จำเลยนำมาแสดงดังนั้นโดย สัญญาข้อ 2 จำเลยจึงไม่มีสิทธิสืบพยานต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้งดสืบพยานของคู่ความจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3952/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่ใกล้จะถึงและสมควร
ขณะนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกัน ผู้เสียหายมีอาการเมาสุราเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 กีดกันไม่ยอมให้ปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 ไล่ให้กลับไปนอนผู้เสียหายกลับพูดว่า "ไอ้แก่อยากจะให้รู้มือสักที"แล้วทำท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวเผยออกมา จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้เสียหายจะทำร้าย จึงชกหน้าผู้เสียหายไป1 ที แล้วผลักล้มลงถูกผาลไถนาเป็นบาดแผลที่หางคิ้วขวาเป็นการกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและพอสมควรแก่เหตุ เข้าลักษณะเป็นการป้องกันจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3899/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันในฐานะนายอำเภอ: สัญญาผูกพันเฉพาะตำแหน่ง ไม่ผูกพันส่วนตัว
ปัญหาว่าจำเลยที่ 5 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนังสือสัญญาค้ำประกันในฐานะตำแหน่งนายอำเภอ มิใช่ลงลายมือชื่อในฐานะส่วนตัวและมิได้มีเจตนาให้ผูกพันเป็นการส่วนตัว เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์ชัดแจ้งว่าการที่จำเลยที่ 5 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในหนี้รายนี้เป็นการกระทำในฐานะนายอำเภอบางเลนมิใช่ในฐานะส่วนตัว ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้ว สัญญาค้ำประกันดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในขณะดำรงตำแหน่งเท่านั้น จำเลยที่ 5 ซึ่งพ้นจากตำแหน่งนายอำเภอบางเลนไปแล้ว จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3831/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยความสามารถในการต่อสู้คดีของจำเลย: ความจำเป็นในการเรียกแพทย์ผู้ตรวจ
การที่ศาลจะเรียกพนักงานแพทย์มาให้ถ้อยคำหรือให้การถึงผลการตรวจในกรณีที่มีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 ก็ต่อเมื่อพนักงานแพทย์ได้ทำการตรวจเสร็จและสามารถวินิจฉัยโรคได้. แต่เมื่อพนักงานแพทย์ได้ตรวจร่างกายของจำเลยหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถให้คำวินิจฉัยโรคได้ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่ศาลจะต้องเรียกให้แพทย์ผู้ตรวจมาให้ถ้อยคำอีก ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นนัดพร้อมกลับปรากฏข้อเท็จจริง ต่อหน้าศาลว่า จำเลยสามารถเข้าใจคำถามและตอบได้ตรงคำถาม ไม่มีกิริยาหรืออาการแสดงว่าจำเลยวิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว