คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสรี แสงศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์ที่มีสัญญาเช่าซื้อก่อนหน้า: กรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน แม้ทำสัญญาเช่าซื้อล่วงหน้า
จำเลยนำรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อและค้างชำระค่าเช่าซื้ออยู่มาเสนอขายให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนและชำระเงินอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลย แล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้และเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นจากโจทก์โจทก์ตกลงและได้ให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวไว้ เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดที่ค้างอยู่แทนจำเลย และชำระเงินให้ตามข้อตกลงแล้วเช่นนี้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์จำเลยจะอ้างว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์ดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์จากการซื้อขายและเช่าซื้อ: โอนกรรมสิทธิ์เมื่อชำระหนี้ค้างทั้งหมด
จำเลยนำรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อและค้างชำระค่าเช่าซื้ออยู่มาเสนอขายให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนและชำระเงินอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลย แล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้และเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นจากโจทก์โจทก์ตกลงและได้ให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวไว้ เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดที่ค้างอยู่แทนจำเลย และชำระเงินให้ตามข้อตกลงแล้วเช่นนี้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์จำเลยจะอ้างว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์ดังกล่าวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนแล้ว สัญญาเช่าซื้อมีผลผูกพัน แม้ทำสัญญาขณะยังเป็นของผู้อื่น
จำเลยนำรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อและค้างชำระค่าเช่าซื้ออยู่มาเสนอขายให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนและชำระเงินอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลย แล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้และเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นจากโจทก์ โจทก์ตกลงและได้ให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวไว้ เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดที่ค้างอยู่แทนจำเลย และชำระเงินให้ตามข้อตกลงแล้วเช่นนี้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์จำเลยจะอ้างว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์ดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเรื่องฉ้อโกง, ข้อเท็จจริงยุติ, ไม่มีประโยชน์ต่อคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ในความผิดฐานฉ้อโกงเพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คงรับเฉพาะฎีกาโจทก์เกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ยอมรับฎีกาในความผิดฐานฉ้อโกง ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และการไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ในความผิดฐานฉ้อโกง เพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คงรับเฉพาะฎีกาโจทก์เกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นที่ไม่ยอมรับฎีกาในความผิดฐานฉ้อโกงข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2ไม่ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากข้อเท็จจริงยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ในความผิดฐานฉ้อโกงเพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คงรับเฉพาะฎีกาโจทก์เกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ยอมรับฎีกาในความผิดฐานฉ้อโกง ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกับสถานที่เกิดเหตุและคำเบิกความอื่น
เด็กหญิง พ. ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของ ด. พยานเข้านอนเวลา19 นาฬิกาเศษ ต่อมาได้ยินเสียงคนเดินจึงตื่นขึ้น เห็นจำเลยมาที่หัวนอนเปิดมุ้งแล้วหยิบเอาวิทยุเทปไป แต่ตามแผนที่เกิดเหตุปรากฏว่าวิทยุไม่ได้วางที่หัวนอนและ ท.พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 22 นาฬิกาผู้เสียหายมาแจ้งว่าสงสัย ช.ขโมยวิทยุเทปไปเมื่อท. บอกว่าช. ดื่มสุราอยู่กับตน ผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นสงสัยจำเลยเอาไป แสดงว่าในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ทราบว่าใครลักเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป คำเบิกความของเด็กหญิง พ. จึงไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการไล่ผีปอบ: ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำเพื่อความเชื่อทางประเพณี ไม่ถือเป็นความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษ
จำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกต้องการไล่ผีปอบออกจากร่างของผู้ตายได้ใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกตีผู้ตายล้มลง แล้วใช้ด้ามมีดตีศีรษะผู้ตาย ด้ามมีดทำด้วยเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาว 8.5 นิ้วจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ถ้าตีศีรษะผู้ตายโดยแรงและตีนาน ๆย่อมทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยตีผู้ตายนานถึง 2 ชั่วโมงผู้ตายมีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก โหนกแก้ม ศีรษะบวมช้ำแบบศีรษะน่วมความตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการทำร้ายของจำเลยกับพวกจำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นการไล่ผีปอบตามความเชื่อและตามประเพณีท้องถิ่นที่ปฏิบัติกันมา แม้การทำร้ายใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงจนผู้ตายถึงแก่ความตายก็เป็นเรื่องของการไล่ผีปอบ ไม่ได้เป็นการกระทำที่แสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)กรณีนี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2ซึ่งถอนฎีกาไปแล้วด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการไล่ผีปอบ ไม่ถึงแก่การกระทำทารุณโหดร้าย
จำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกต้องการไล่ผีปอบออกจากร่างของผู้ตายได้ใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกตีผู้ตายล้มลง แล้วใช้ด้ามมีดตีศีรษะผู้ตาย ด้ามมีดทำด้วยเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาว8.5 นิ้ว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าถ้าตีศีรษะผู้ตายโดยแรงและตีนาน ๆ ย่อมทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยตีผู้ตายนานถึง 2 ชั่วโมง ผู้ตายมีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก โหนกแก้ม ศีรษะบวมช้ำแบบศีรษะน่วม ความตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการทำร้ายของจำเลยกับพวก จำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นการไล่ผีปอบตามความเชื่อและตามประเพณีท้องถิ่นที่ปฏิบัติกันมา แม้การทำร้ายใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็เป็นเรื่องของการไล่ผีปอบ ไม่ได้เป็นการกระทำที่แสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) กรณีนี้เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งถอนฎีกาไปแล้วด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการไล่ผีปอบ: ศาลพิจารณาเหตุเชื่อตามประเพณีท้องถิ่น ไม่ถือว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้าย
จำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกต้องการไล่ผีปอบออกจากร่างของผู้ตายได้ใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกตีผู้ตายล้มลง แล้วใช้ด้ามมีดตีศีรษะผู้ตาย ด้ามมีดทำด้วยเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาว 8.5 นิ้ว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าถ้าตีศีรษะผู้ตายโดยแรงและตีนาน ๆ ย่อมทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยตีผู้ตายนานถึง 2 ชั่วโมง ผู้ตายมีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก โหนกแก้ม ศีรษะบวมช้ำแบบศีรษะน่วม ความตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการทำร้ายของจำเลยกับพวก จำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นการไล่ผีปอบตามความเชื่อและตามประเพณีท้องถิ่นที่ปฏิบัติกันมา แม้การทำร้ายใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็เป็นเรื่องของการไล่ผีปอบ ไม่ได้เป็นการกระทำที่แสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) กรณีนี้เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งถอนฎีกาไปแล้วด้วย
of 54