พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4182/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสนับสนุนการฆ่าและความช่วยเหลือผู้กระทำผิดหลบหนี: หลักการระงับความผูกพันคดีอาญา
ท.ยิงผู้ตายแล้วไปรับเอากระสุนปืนจากจำเลยมาใช้ยิงผู้ตายซ้ำอีกหลังจากนั้นจำเลยยังได้ส่งกุญแจรถจักรยานยนต์ให้ ท.เพื่อใช้ขับขี่หลบหนี พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยในข้อหาช่วย ท. ให้หลบหนีเพื่อมิให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ซึ่งโจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ร่วมในคดีดังกล่าว ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว โจทก์ยังฟ้องจำเลยในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยการช่วยเหลือส่งกระสุนปืนให้ ท. ยิงผู้ตายเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ การช่วยเหลือของจำเลยในคดีนี้กับคดีก่อนในการกระทำความผิดของ ท. เป็นการช่วยเหลือกระทำความผิดในคราวเดียวต่อเนื่องติดต่อกันไม่ขาดสายจนเป็นความผิดสำเร็จในข้อหาเป็นผู้สนับสนุน ท. ฆ่าผู้ตายและช่วยเหลือ ท.เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อจำเลยถูกฟ้องในคดีก่อนจนศาลพิพากษาลงโทษและคดีถึงที่สุดไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยของโจทก์เป็นคดีนี้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากหนังสือมอบอำนาจปลอม และผลกระทบต่อการขายฝาก
จำเลยที่ 1 ใช้ใบมอบอำนาจของ อ. ซึ่งเป็นใบมอบอำนาจปลอมโอนขายที่ดินของ อ.ให้จำเลยที่2โดยอ. มิได้รู้เห็นยินยอม แล้วจำเลยที่ 2 นำที่ดินไปขายฝากแก่จำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 2 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและย่อมไม่มีอำนาจที่จะนำไปขายฝากแก่จำเลยที่ 3 ได้ โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ อ. จึงมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกลับคืนมาเป็นของ อ. ตามเดิมได้
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนครปฐม การที่ศาลแพ่งรับฟ้องรับคำให้การ ตลอดจนสืบพยานจนเสร็จการพิจารณาย่อมแสดงว่าศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(4) แล้ว
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนครปฐม การที่ศาลแพ่งรับฟ้องรับคำให้การ ตลอดจนสืบพยานจนเสร็จการพิจารณาย่อมแสดงว่าศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(4) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินเนื่องจากมีการปลอมเอกมอบอำนาจ และการซื้อขายไม่สุจริต
จำเลยที่ 1 ใช้ใบมอบอำนาจของ อ. ซึ่งเป็นใบมอบอำนาจปลอมโอนขายที่ดินของ อ. ให้จำเลยที่ 2 โดย อ. มิได้รู้เห็นยินยอม แล้วจำเลยที่ 2 นำที่ดินไปขายฝากแก่จำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 2 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและย่อมไม่มีอำนาจที่จะนำไปขายฝากแก่จำเลยที่ 3 ได้ โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ อ. จึงมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกลับคืนมาเป็นของ อ. ตามเดิมได้
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนครปฐม การที่ศาลแพ่งรับฟ้องรับคำให้การ ตลอดจนสืบพยานจนเสร็จการพิจารณาย่อมแสดงว่าศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (4) แล้ว
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนครปฐม การที่ศาลแพ่งรับฟ้องรับคำให้การ ตลอดจนสืบพยานจนเสร็จการพิจารณาย่อมแสดงว่าศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (4) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่ง, หนังสือมอบอำนาจ, การเช่าไม่มีกำหนดเวลา, การบอกกล่าวเลิกสัญญา, ประเด็นข้อพิพาทที่สละ
หนังสือมอบอำนาจระบุว่าให้ผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้กระทำการในกิจการต่าง ๆ แทน โดยมีข้อหนึ่งระบุว่า ให้มีอำนาจฟ้องบุคคลใดหรือนิติบุคคลใดต่อศาลในคดีแพ่ง จึงเป็นการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนแล้ว แม้มิได้ระบุตัวบุคคลที่จะให้ฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงก็ตาม
เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การรับกันว่ามีการเช่าที่พิพาทอยู่จริงแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าแถลงรับว่าไม่มีหนังสือสัญญาเช่าที่ได้กำหนดเวลาเช่ากันไว้ก็ต้องฟังว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาอันการเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวตาม กฎหมาย และแม้โจทก์จะมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากที่พิพาทภายใน 15 วันก็ตาม แต่เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องขับไล่นั้นเป็นเวลาเกินกว่า 2 เดือนแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยฎีกาในข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทนี้แล้ว ข้อฎีกาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การรับกันว่ามีการเช่าที่พิพาทอยู่จริงแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าแถลงรับว่าไม่มีหนังสือสัญญาเช่าที่ได้กำหนดเวลาเช่ากันไว้ก็ต้องฟังว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาอันการเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวตาม กฎหมาย และแม้โจทก์จะมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากที่พิพาทภายใน 15 วันก็ตาม แต่เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องขับไล่นั้นเป็นเวลาเกินกว่า 2 เดือนแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยฎีกาในข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทนี้แล้ว ข้อฎีกาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งจากหนังสือมอบอำนาจ และการบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา
หนังสือมอบอำนาจระบุว่าให้ผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้กระทำการในกิจการต่าง ๆ แทน โดยมีข้อหนึ่งระบุว่า ให้มีอำนาจฟ้องบุคคลใดหรือนิติบุคคลใดต่อศาลในคดีแพ่ง จึงเป็นการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนแล้ว แม้มิได้ระบุตัวบุคคลที่จะให้ฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงก็ตาม
เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การรับกันว่ามีการเช่าที่พิพาทอยู่จริงแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าแถลงรับว่าไม่มีหนังสือสัญญาเช่าที่ได้กำหนดเวลาเช่ากันไว้ก็ต้องฟังว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาอันการเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวตามกฎหมาย และแม้โจทก์จะมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากที่พิพาทภายใน 15 วันก็ตาม แต่เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องขับไล่นั้นเป็นเวลาเกินกว่า2 เดือนแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยฎีกาในข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทนี้แล้วข้อฎีกาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การรับกันว่ามีการเช่าที่พิพาทอยู่จริงแล้วโจทก์ผู้ให้เช่าแถลงรับว่าไม่มีหนังสือสัญญาเช่าที่ได้กำหนดเวลาเช่ากันไว้ก็ต้องฟังว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาอันการเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวตามกฎหมาย และแม้โจทก์จะมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากที่พิพาทภายใน 15 วันก็ตาม แต่เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องขับไล่นั้นเป็นเวลาเกินกว่า2 เดือนแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยฎีกาในข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทนี้แล้วข้อฎีกาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวัน-สถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน: อำนาจนายอำเภอและหลักการแปลกฎหมาย
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457มาตรา 19ข้อ 2 ที่แก้ไขแล้ว บัญญัติว่า ถ้าผู้ใหญ่บ้านหมู่ใดว่างลงให้คัดเลือกผู้ใหญ่บ้านขึ้นภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้ทราบการว่างนั้น สำหรับวัน เวลาและที่เลือกผู้ใหญ่บ้านมีข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเลือกผู้ใหญ่บ้านพ.ศ.2524 ซึ่งออกตามความในมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวข้อ 6กำหนดให้นายอำเภอประกาศให้ราษฎรในหมู่บ้านที่จะทำการเลือกผู้ใหญ่บ้านทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันทำการเลือก ตามกฎหมายและข้อบังคับนั้นมิได้กล่าวถึงการเลื่อนการเลือกและการเปลี่ยนที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน ผิดกับการเลือกกำนันซึ่งมีระเบียบกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้การเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกกำนันต้องกระทำก่อนวันเลือกไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ดังนั้นการเปลี่ยนที่เลือกและการเลื่อนการเลือกผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอจึงมีอำนาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่ควรประกาศล่วงหน้าให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันก่อนวันเลือก และเลือกให้ทันภายในกำหนดสิบห้าวัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การแปลกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ออกตามกฎหมายต้องแปลให้เกิดผล โดยดูถึงเจตนาในการออกกฎหมายและระเบียบข้อบังคับนั้น ๆ ด้วย ข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดให้นายอำเภอประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านให้ราษฎรทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันทำการเลือก จึงหมายถึงการประกาศครั้งแรก
จำเลยประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2526 กำหนดเลือกที่บ้านนาย ส.ในวันที่ 12เมษายน 2526เวลา 10 นาฬิกา ซึ่งนับจากวันประกาศครบ 7 วันแล้วการที่จำเลยประกาศเปลี่ยนที่เลือกเป็นที่โรงเรียนสุเหร่าคลองสิบ และในวันที่ 12 เมษายน 2526ได้ประกาศเลื่อนวันเลือกเป็นวันที่ 15 เมษายน 2526 ก็เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมและเป็นเวลาล่วงหน้าเพียงพอให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันแล้วกรณีถือได้ว่าจำเลยได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้านไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ก่อนวันทำการเลือก.
จำเลยประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2526 กำหนดเลือกที่บ้านนาย ส.ในวันที่ 12เมษายน 2526เวลา 10 นาฬิกา ซึ่งนับจากวันประกาศครบ 7 วันแล้วการที่จำเลยประกาศเปลี่ยนที่เลือกเป็นที่โรงเรียนสุเหร่าคลองสิบ และในวันที่ 12 เมษายน 2526ได้ประกาศเลื่อนวันเลือกเป็นวันที่ 15 เมษายน 2526 ก็เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมและเป็นเวลาล่วงหน้าเพียงพอให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันแล้วกรณีถือได้ว่าจำเลยได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้านไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ก่อนวันทำการเลือก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอในการเปลี่ยนแปลงวันเวลาและสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน โดยยังคงเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
พ.ร.บ. ลักษณะ ปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 19 ข้อ 2ที่แก้ไขแล้ว และข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเลือกผู้ใหญ่บ้านพ.ศ. 2524 ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวกำหนดให้นายอำเภอประกาศกำหนดวันเวลาและที่เลือกผู้ใหญ่บ้านให้ราษฎรในหมู่บ้านทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันทำการเลือกแต่มิได้กล่าวถึงการเลื่อน การเลือกและการเปลี่ยนที่เลือกผู้ใหญ่บ้านไว้ นายอำเภอจึงมีอำนาจประกาศเปลี่ยนที่เลือกผู้ใหญ่บ้านและประกาศเลื่อนวันเลือกผู้ใหญ่บ้านได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสมดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกเลิกการเลือกผู้ใหญ่บ้าน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอในการเปลี่ยนแปลงวันเวลาและสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน ต้องคำนึงถึงเจตนาของกฎหมายและให้ราษฎรทราบ
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 19 ข้อ 2 ที่แก้ไขแล้ว บัญญัติว่า ถ้าผู้ใหญ่บ้านหมู่ใดว่างลงให้คัดเลือกผู้ใหญ่บ้านขึ้นภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้ทราบการว่างนั้น สำหรับวัน เวลาและที่เลือกผู้ใหญ่บ้านมีข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเลือกผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ.2524 ซึ่งออกตามความในมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวข้อ 6กำหนดให้นายอำเภอประกาศให้ราษฎรในหมู่บ้านที่จะทำการเลือกผู้ใหญ่บ้านทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันทำการเลือก ตามกฎหมายและข้อบังคับนั้นมิได้กล่าวถึงการเลื่อนการเลือกและการเปลี่ยนที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน ผิดกับการเลือกกำนันซึ่งมีระเบียบกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้การเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกกำนันต้องกระทำก่อนวันเลือกไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ดังนั้นการเปลี่ยนที่เลือกและการเลื่อนการเลือกผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอจึงมีอำนาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่ควรประกาศล่วงหน้าให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันก่อนวันเลือก และเลือกให้ทันภายในกำหนดสิบห้าวัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การแปลกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ออกตามกฎหมายต้องแปลให้เกิดผล โดยดูถึงเจตนาในการออกกฎหมายและระเบียบข้อบังคับนั้น ๆ ด้วย ข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดให้นายอำเภอประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านให้ราษฎรทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันทำการเลือก จึงหมายถึงการประกาศครั้งแรก
จำเลยประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2526 กำหนดเลือกที่บ้านนาย ส.ในวันที่ 12เมษายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา ซึ่งนับจากวันประกาศครบ 7 วันแล้วการที่จำเลยประกาศเปลี่ยนที่เลือกเป็นที่โรงเรียนสุเหร่าคลองสิบ และในวันที่ 12 เมษายน 2526 ได้ประกาศเลื่อนวันเลือกเป็นวันที่ 15 เมษายน 2526 ก็เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมและเป็นเวลาล่วงหน้าเพียงพอให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันแล้วกรณีถือได้ว่าจำเลยได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้านไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ก่อนวันทำการเลือก.
จำเลยประกาศกำหนดวัน เวลา และที่เลือกผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2526 กำหนดเลือกที่บ้านนาย ส.ในวันที่ 12เมษายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา ซึ่งนับจากวันประกาศครบ 7 วันแล้วการที่จำเลยประกาศเปลี่ยนที่เลือกเป็นที่โรงเรียนสุเหร่าคลองสิบ และในวันที่ 12 เมษายน 2526 ได้ประกาศเลื่อนวันเลือกเป็นวันที่ 15 เมษายน 2526 ก็เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมและเป็นเวลาล่วงหน้าเพียงพอให้ราษฎรทราบทั่วถึงกันแล้วกรณีถือได้ว่าจำเลยได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่เลือกผู้ใหญ่บ้านไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ก่อนวันทำการเลือก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำรงชีพจากรายได้หญิงค้าประเวณี ต้องพิสูจน์ปัจจัยดำรงชีพไม่พอเพียง
ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้นจะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบถึงความข้อนี้เลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีจะลงโทษจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดฐานนี้ไม่ได้และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำรงชีพจากรายได้ของการค้าประเวณี ต้องพิสูจน์ปัจจัยดำรงชีพของผู้กระทำ หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถือว่าไม่มีความผิด
ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้นจะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอันพอเพียง สำหรับดำรงชีพด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบถึงความข้อนี้เลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีจะลงโทษจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดฐานนี้ไม่ได้และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษได้.