พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกระเบิดใช้การไม่ได้ ไม่เป็นวัตถุระเบิด/เครื่องกระสุนปืน ศาลแก้โทษพาอาวุธปืนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ลูกระเบิดของกลางอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดไม่ได้เพราะชนวนถูกทำลายและวัตถุระเบิดที.เอ็น.ที.ที่บรรจุอยู่ภายในถูกสำรอกออกหมดแล้วทั้งตัวเปลือกลูกระเบิดของกลางถูกตัดออกเป็นช่องสี่เหลี่ยมดังนั้นลูกระเบิดของกลางจึงไม่เป็นวัตถุระเบิดเมื่อลูกระเบิดของกลางไม่เป็นวัตถุระเบิดเสียแล้วย่อมไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนด้วย. ศาลอุทธรณ์พิพากษาข้อหาพาอาวุธปืนว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ.2490มาตรา8ทวิและ72ทวิและประมวลกฎหมายอาญามาตรา371ซึ่งการกระทำของจำเลยในข้อหานี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยมิได้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยนั้นไม่ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัตถุระเบิดสภาพไม่ใช้งาน ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืน, การลงโทษอาญาฐานพาอาวุธปืนต้องใช้บทหนักสุด
ลูกระเบิดของกลางอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดไม่ได้เพราะชนวนถูกทำลายและวัตถุระเบิด ที.เอ็น.ที.ที่บรรจุอยู่ภายในถูกสำรอกออกหมดแล้วทั้งตัวเปลือกลูกระเบิดของกลางถูกตัดออกเป็นช่องสี่เหลี่ยม ดังนั้น ลูกระเบิดของกลางจึงไม่เป็นวัตถุระเบิด เมื่อลูกระเบิดของกลางไม่เป็นวัตถุระเบิดเสียแล้วย่อมไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนด้วย.
ศาลอุทธรณ์พิพากษาข้อหาพาอาวุธปืนว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ และ 72 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งการกระทำของจำเลยในข้อหานี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยมิได้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ศาลอุทธรณ์พิพากษาข้อหาพาอาวุธปืนว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ และ 72 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งการกระทำของจำเลยในข้อหานี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยมิได้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3549/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โทษจำคุกและการต้องห้ามฎีกาในคดีอาญา เนื่องจากโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ภายในเวลา 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3549/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ภายในเวลา 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือน โดยไม่รอการลงโทษต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3549/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์และฎีกาในคดีขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย: ข้อจำกัดการฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์แก้โทษไม่เกินหนึ่งปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ภายในเวลา2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย9เดือนโดยไม่รอการลงโทษต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินรางวัลสลากกินแบ่ง แม้สลากหายหรือถูกทำลาย สัญญาผู้ซื้อ-สำนักงานสลากผูกพัน
การที่จำเลยกำหนดเงื่อนไขไว้ในสลากกินแบ่งทุกฉบับว่า เงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้น เงื่อนไขดังกล่าวแม้จำเลยจะกำหนดขึ้นโดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ก็ตาม แต่เป็นเงื่อนไขที่กำหนดขึ้นเพียงเพื่อให้จำเลยมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้น ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายหรือถูกไฟไหม้ และเห็นว่าการที่จำเลยจัดให้มีการออกสลากกินแบ่ง ก็โดยมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งว่า จะแบ่งเงินที่ได้จากการขายสลากให้แก่ผู้ถูกสลากตามจำนวนที่กำหนดไว้จำนวนเงินที่กำหนดนี้ถือได้ว่า เป็นสัญญาอันมีผลผูกพันระหว่างผู้จัดการออกสลากกินแบ่งกับผู้ถูกรางวัล ดังนั้นเมื่อโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัล แต่สลากถูกไฟไหม้โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับเงินรางวัลจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหายหรือถูกทำลาย สัญญาซื้อขายสลากมีผลผูกพันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
แม้จำเลยจะได้กำหนดเงื่อนไขในสลากกินแบ่งทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับก็ตามแต่เงื่อนไขดังกล่าวก็กำหนดขึ้นเพียงเพื่อให้จำเลยมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้นไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายหรือถูกไฟไหม้การที่จำเลยจัดให้มีการออกสลากกินแบ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาอันมีผลผูกพันระหว่างผู้จัดการออกสลากกินแบ่งกับผู้ถูกรางวัลเมื่อโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากถูกไฟไหม้โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับเงินรางวัลจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถูกสลากแม้สลากหาย/ไฟไหม้ จำเลยมีหน้าที่จ่ายเงินรางวัลตามวัตถุประสงค์สลาก
การที่จำเลยกำหนดเงื่อนไขไว้ในสลากกินแบ่งทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้นเงื่อนไขดังกล่าวแม้จำเลยจะกำหนดขึ้นโดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพ.ศ.2517ก็ตามแต่เป็นเงื่อนไขที่กำหนดขึ้นเพียงเพื่อให้จำเลยมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้นไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายหรือถูกไฟไหม้และเห็นว่าการที่จำเลยจัดให้มีการออกสลากกินแบ่งก็โดยมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งว่าจะแบ่งเงินที่ได้จากการขายสลากให้แก่ผู้ถูกสลากตามจำนวนที่กำหนดไว้จำนวนเงินที่กำหนดนี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาอันมีผลผูกพันระหว่างผู้จัดการออกสลากกินแบ่งกับผู้ถูกรางวัลดังนั้นเมื่อโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากถูกไฟไหม้โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับเงินรางวัลจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การประเมินความประมาท และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ต่างขับรถชนกันโดยประมาท แต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 5 ก่อน จึงให้จำเลยที่5 รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 5 จะต้องรับผิดมีมากกว่า จึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 5 ฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 เป็นพับ
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาทของผู้ขับขี่และขอบเขตความรับผิด
จำเลยที่1และจำเลยที่5ต่างขับรถชนกันโดยประมาทแต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่5ก่อนจึงให้จำเลยที่5รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่1รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้วส่วนที่จำเลยที่5จะต้องรับผิดมีมากกว่าจึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่5ฟ้องเรียกจากจำเลยที่1เป็นพับ รถที่จำเลยที่1ขับเป็นของจำเลยที่3มอบให้จำเลยที่2ใช้จำเลยที่1เป็นลูกจ้างจำเลยที่2ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่2วันเกิดเหตุจำเลยที่1ขับรถของจำเลยที่3นำบุตรของจำเลยที่2ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่3การกระทำละเมิดของจำเลยที่1จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่3จำเลยที่3และจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2 โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ที่2ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่1ที่2จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.