คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสรี แสงศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า: ผลของการบอกกล่าวเลิกสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายและการปฏิเสธการรับหนังสือ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย การฟ้องฐานฉ้อโกงและแจ้งความเท็จไม่สมบูรณ์หากกรรมสิทธิ์ยังไม่เปลี่ยนมือ
จำเลยที่ 2 ขายเครื่องจักรผลิตปุ๋ยเคมีซึ่งมีหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องจักรให้โจทก์ โจทก์ชำระราคาครบถ้วนและรับมอบเครื่องจักรแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 ด้วย ดังนั้นกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์คือเครื่องจักรจึงยังไม่เปลี่ยนมือไปยังโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ไปพูดหลอกลวงโจทก์เพื่อขอรับหนังสือสำคัญการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรและโจทก์หลงเชื่อมอบหนังสือดังกล่าวให้ไป การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงเพราะหนังสือนั้นเป็นของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2นำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรให้จำเลยที่ 1ต่อเจ้าพนักงานจึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จหรือกล่าวเท็จเพื่อให้เจ้าหน้าที่จดแจ้งข้อความลงในเอกสารอันจะเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267 จำเลยที่ 2 โอนหุ้นให้โจทก์หมดแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดแทน จำเลยที่ 2 ยังคงอยู่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ การที่จำเลยที่ 2 ไปทำนิติกรรมโอนขายเครื่องจักรในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัดให้แก่จำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องจักรทำให้เปลี่ยนสถานะเป็นสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ การโอนกรรมสิทธิ์จึงต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย
เครื่องจักรที่ได้จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ตาม พระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 แล้ว ย่อมเปลี่ยนสถานะจาสังหาริมทรัพย์ธรรมดากลายมาเป็นสังหาริ่มทรัพย์ชนิดพิเศษ การโอนกรรมสิทธิ์จึงต้องทำการจดทะเบียนให้ถูกต้องตาม พระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักรฯ ด้วย มิฉะนั้นถือว่าไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ตกลงขายเครื่องจักรผลิตปุ๋ยเคมีให้โจทก์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรดังกล่าวให้แก่โจทก์ ดังนี้กรรมสิทธิ์ในตัวเครื่องจักรจึงยังไม่เปลี่ยนมือไปยังโจทก์ ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ไปหลอกลวงโจทก์เพื่อขอรับหนังสือสำคัญการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรและโจทก์หลงเชื่อมอบหนังสือสำคัญดังกล่าวให้ไป อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงนั้น แม้หากจะเป็นจริง การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ยังไม่เข้าองค์ประกอบเป็นความผิด เพราะหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนนั้นยังเป็นของจำเลยที่ 2 และเมื่อจำเลยที่ 2 นำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรให้จำเลยที่ 1 ต่อเจ้าพนักงานจึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จ หรือกล่าวเท็จเพื่อให้เจ้าหน้าที่จดแจ้งข้อความลงในเอกสารตามฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้น ความรับผิดชอบจำกัดเฉพาะการริบเงินประกันซองประกวดราคา
ในการประกวดราคาโจทก์กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ประกวดราคาได้จะต้องมาทำสัญญาซื้อขายภายใน7วันถ้าไม่มาทำสัญญาตามกำหนดโจทก์ริบเงินประกันซองประกวดราคาได้ทันทีและถ้าโจทก์ต้องซื้อสิ่งของรายการนี้จากบุคคลอื่นมีราคาสูงขึ้นเท่าใดผู้ประกวดราคาได้ครั้งนี้จะต้องรับผิดชอบใช้ค่าสิ่งของที่สูงขึ้นนั้นให้แก่โจทก์อีกโสดหนึ่งด้วยเห็นได้ว่าการตกลงซื้อขายรายนี้คู่กรณีมุ่งจะทำสัญญากันเป็นหนังสือจำเลยเป็นผู้ประกวดราคาได้แต่ไม่ไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามกำหนดที่โจทก์แจ้งให้ทราบจึงถือว่ายังไม่มีสัญญาซื้อขายต่อกันโจทก์จึงมีเพียงสิทธิริบเงินประกันซองประกวดราคาตามข้อตกลงในการประกวดราคาเท่านั้นจำเลยยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องมอบสิ่งของตามที่ประกวดราคาให้โจทก์ค่าเสียหายที่โจทก์ซื้อสิ่งของจากผู้อื่นในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขายไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากข้อตกลงในการประกวดราคาเมื่อสัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้น ค่าเสียหายจากการซื้อของจากผู้อื่นจึงไม่ใช่ความรับผิดตามสัญญา
ในการประกวดราคาโจทก์กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ประกวดราคาได้จะต้องมาทำสัญญาซื้อขายภายใน 7 วันถ้าไม่มาทำสัญญาตามกำหนด โจทก์ริบเงินประกันซอง ประกวดราคาได้ทันทีและถ้าโจทก์ต้องซื้อสิ่งของรายการนี้จากบุคคลอื่นมีราคาสูงขึ้นเท่าใดผู้ประกวดราคาได้ครั้งนี้จะต้องรับผิดชอบใช้ค่าสิ่งของที่สูงขึ้นนั้นให้แก่โจทก์อีกโสดหนึ่งด้วยเห็นได้ว่าการตกลงซื้อขายรายนี้คู่กรณีมุ่งจะทำสัญญากันเป็นหนังสือ จำเลยเป็นผู้ประกวดราคาได้แต่ไม่ไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามกำหนดที่โจทก์แจ้งให้ทราบจึงถือว่ายังไม่มีสัญญาซื้อขายต่อกัน โจทก์จึงมีเพียงสิทธิริบเงินประกันซอง ประกวดราคาตามข้อตกลงในการประกวดราคาเท่านั้นจำเลยยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องมอบสิ่งของตามที่ประกวดราคาให้โจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์ซื้อสิ่งของจากผู้อื่นในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขายไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากข้อตกลงในการประกวดราคา เมื่อสัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องละเมิดจากความเสียหายต่อสิทธิครอบครอง แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์
โจทก์ซื้อช้างพิพาทมาจาก บ. เป็นการซื้อขายกันเอง มอบตั๋วรูปพรรณแก่กัน แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองช้างพิพาท เมื่อมีการกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดกรณีช้างทำร้ายช้างอื่น แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์ ผู้ซื้อยังมีสิทธิฟ้องได้
แม้การซื้อขายช้างจะทำเพียงแต่มอบตั๋วรูปพรรณให้ผู้ซื้อไปมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตกเป็นโมฆะก็ตามผู้ซื้อซึ่งครอบครองช้างก็มีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิในช้างของผู้ซื้อได้ ถ้าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดประเด็นข้อพิพาทต้องคัดค้านไว้มิฉะนั้นจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกาไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยกระทำผิด ฎีกาไม่รับฟัง
แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตาย แต่จำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้อง ส่วนพยานหลักฐานอื่นของโจทก์นั้น นอกจากเป็นพยานบอกเล่าไม่มีพยานอื่นประกอบแล้วยังแตกต่างขัดกันอีกด้วย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานขัดแย้งไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยกระทำผิด ฎีกาไม่รับฟัง
แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตายแต่จำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้องส่วนพยานหลักฐานอื่นของโจทก์นั้นนอกจากเป็นพยานบอกเล่าไม่มีพยานอื่นประกอบแล้วยังแตกต่างขัดกันอีกด้วยพยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่า เนื่องจากจำเลยถูกรุมทำร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้
ผู้เสียหายกับพวก 4-5 คนกำลังดื่มสุราอยู่ในซอย เห็นจำเลยเดินมาหาว่าจำเลยถอดเสื้ออวดรอยสัก ได้เรียกจำเลยเข้าไปถามและช่วยกันรุมทำร้ายจำเลย จำเลยวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกได้วิ่งไล่ตาม จำเลยวิ่งหนีมาถึงทางสามแยกหนีต่อไปไม่ทัน จึงได้หันกลับมาและยกปืนขึ้นขู่ผู้เสียหายว่า อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาจะยิง ผู้เสียหายก็ไม่เชื่อ ยังทำท่าจะวิ่งเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย เห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน และจำเลยได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว ขณะเกิดเหตุทางฝ่ายจำเลยก็มีแต่ตัวจำเลยคนเดียว หากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัดในขณะนั้น จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
of 54