คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสรี แสงศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าด้วยปืนที่ไม่มีแก๊ปปืน: เจตนาพยายามกระทำความผิด แม้ผลไม่สำเร็จโทษฐานพยายาม
จำเลยเอาปืนแก๊ปที่ไม่มีแก๊ปปืนมายิงผู้เสียหายกระสุนปืนจึงไม่อาจลั่นออกไปได้อย่างแน่นอนเพราะปืนเป็นปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำความผิดไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามป.อ.มาตรา288,81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า: เหตุหย่าจากการกระทำของคู่สมรส การแยกกันอยู่ และการสืบพยานนอกฟ้อง
โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน โจทก์แยกไปอยู่กับมารดาของโจทก์โดยยกทรัพย์สินและบ้านให้จำเลยทั้งหมด ปล่อยให้จำเลยอยู่ที่บ้านดังกล่าวกับบุตรตามลำพัง โจทก์มิได้เคยส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูเยี่ยงสามีภรรยาและบิดามารดากับบุตรที่ดินที่ปลูกบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งต้องการที่ดินคืน โจทก์มิได้ไปมาหาสู่จำเลย การที่จำเลยขายบ้านหลังนี้ไปโดยพลการมิได้ปรึกษาหารือโจทก์ โดยจำเลยมีเหตุจำเป็นดังกล่าว และเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ยกให้แก่จำเลยแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภรรยากันอย่างร้ายแรง โจทก์จะยกเอาเป็นข้ออ้างเป็นเหตุในการฟ้องหย่าจำเลยหาได้ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าโจทก์ทนอยู่กับจำเลย ต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 2511 โจทก์จึงแยกไปอยู่ที่อื่นโดยยอมยกทรัพย์สินและบ้านเรือนทั้งหมดให้จำเลย แล้วมิได้ติดต่ออยู่กินกันอีกเลย และจากนั้นโจทก์บรรยายฟ้องถึงจำเลยนำบ้านไปขายโดยพลการ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเลยว่า หลังจากแยกกันอยู่แล้วจำเลยตามไปรังควานโจทก์ ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยไปทำลายประตูบ้านโจทก์และเอาอุจจาระไปป้ายที่นอนของโจทก์ จึงเป็นการสืบนอกฟ้อง ศาลฎีกานำมาวินิจฉัยเป็นเหตุหย่าให้โจทก์ไม่ได้
โจทก์เป็นคนชอบดื่มสุราและเจ้าชู้ การที่จำเลยรู้เรื่องราวจากภายนอกแล้วนำมาต่อว่าโจทก์เป็นครั้งคราว จริงบ้างไม่จริงบ้างแล้วทะเลาะกัน เช่นนี้โจทก์มีส่วนเป็นผู้ก่อเหตุอยู่บ้าง การที่จำเลยต่อว่าถึงเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ภรรยามีความรักสามี โจทก์อยู่ในฐานะที่จะป้องกันเหตุเหล่านี้มิให้เกิดขึ้นได้โดยการละเว้นความประพฤติดังกล่าว ก็ไม่มีเหตุที่จำเลยจะหึงหวงโจทก์ต้องทะเลาะกันดังนั้นการกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประพฤติชั่วอันทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชังหรือได้รับความเดือดร้อนจนเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า: เหตุหย่าจากการแยกกันอยู่ การขายทรัพย์สิน และการกระทำที่ไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้หย่าได้
โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโจทก์แยกไปอยู่กับมารดาของโจทก์โดยยกทรัพย์สินและบ้านให้จำเลยทั้งหมดปล่อยให้จำเลยอยู่ที่บ้านดังกล่าวกับบุตรตามลำพังโจทก์มิได้เคยส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูเยี่ยงสามีภรรยาและบิดามารดากับบุตรที่ดินที่ปลูกบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งต้องการที่ดินคืนโจทก์มิได้ไปมาหาสู่จำเลยการที่จำเลยขายบ้านหลังนี้ไปโดยพลการมิได้ปรึกษาหารือโจทก์โดยจำเลยมีเหตุจำเป็นดังกล่าวและเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ยกให้แก่จำเลยแล้วจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภรรยากันอย่างร้ายแรงโจทก์จะยกเอาเป็นข้ออ้างเป็นเหตุในการฟ้องหย่าจำเลยหาได้ไม่. โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าโจทก์ทนอยู่กับจำเลยต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2511โจทก์จึงแยกไปอยู่ที่อื่นโดยยอมยกทรัพย์สินและบ้านเรือนทั้งหมดให้จำเลยแล้วมิได้ติดต่ออยู่กินกันอีกเลยและจากนั้นโจทก์บรรยายฟ้องถึงจำเลยนำบ้านไปขายโดยพลการโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเลยว่าหลังจากแยกกันอยู่แล้วจำเลยตามไปรังควานโจทก์ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยไปทำลายประตูบ้านโจทก์และเอาอุจจาระไปป้ายที่นอนของโจทก์จึงเป็นการสืบนอกฟ้องศาลฎีกานำมาวินิจฉัยเป็นเหตุหย่าให้โจทก์ไม่ได้. โจทก์เป็นคนชอบดื่มสุราและเจ้าชู้การที่จำเลยรู้เรื่องราวจากภายนอกแล้วนำมาต่อว่าโจทก์เป็นครั้งคราวจริงบ้างไม่จริงบ้างแล้วทะเลาะกันเช่นนี้โจทก์มีส่วนเป็นผู้ก่อเหตุอยู่บ้างการที่จำเลยต่อว่าถึงเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ภรรยามีความรักสามีโจทก์อยู่ในฐานะที่จะป้องกันเหตุเหล่านี้มิให้เกิดขึ้นได้โดยการละเว้นความประพฤติดังกล่าวก็ไม่มีเหตุที่จำเลยจะหึงหวงโจทก์ต้องทะเลาะกันดังนั้นการกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประพฤติชั่วอันทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือได้รับความดูถูกเกลียดชังหรือได้รับความเดือดร้อนจนเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การขายทรัพย์สินที่ยกให้, การสืบพยานนอกฟ้อง, และพฤติการณ์เจ้าชู้ของโจทก์
หลังจากโจทก์แยกกับจำเลยไปอยู่กับมารดาโจทก์แล้วคงปล่อยให้จำเลยอยู่บ้านพร้อมกับบุตรตามลำพังโดยไม่เคยส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูจำเลยและบุตรเยี่ยงสามีภรรยาและบิดามารดากับบุตรที่ดินที่ปลูกบ้านก็เป็นที่ดินของคนอื่นซึ่งต้องการที่ดินคืนจำเลยจึงได้ขายบ้านหลังนี้ไปโดยพลการมิได้ปรึกษาหารือโจทก์เนื่องจากจำเลยมีเหตุจำเป็นดังกล่าวและเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ยกให้แก่จำเลยแล้วถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภรรยากันอย่างร้ายแรงโจทก์จะยกเอาเป็นข้ออ้างเป็นเหตุในการฟ้องหย่าหาได้ไม่ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้เลยว่าหลังจากโจทก์จำเลยแยกกันอยู่แล้วจำเลยตามไปรังควานโจทก์ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยตามไปทำลายประตูบ้านโจทก์และเอาอุจจาระไปป้ายที่นอนของโจทก์จึงเป็นการสืบนอกฟ้องศาลไม่อาจนำมาวินิจฉัยเป็นเหตุหย่าได้ โจทก์เป็นคนชอบดื่มสุราและเป็นคนเจ้าชู้ชอบติดพันหญิงอื่นฐานชู้สาว การที่จำเลยต่อว่าต่อขานถึงเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งคราวจริงบ้างไม่จริงบ้างจึงเป็นเรื่องธรรมดาของภรรยาที่มีความรักต่อสามีการกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประพฤติชั่วอันทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือได้รับความดูถูกเกลียดชังหรือได้รับความเสียหายเดือดร้อนจนเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์สินเช่าซื้อโดยไม่สุจริต ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนได้
จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ร้องแล้วนำไปกระทำผิดในระหว่างที่สัญญาเช่าซื้อยังไม่ได้เลิกกันศาลสั่งริบรถจักรยานยนต์ดังกล่าวภรรยาของจำเลยได้ติดต่อขอให้ผู้ร้องขอรถจักรยานยนต์คืนส่วนภรรยาจำเลยจะชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือให้ผู้ร้องเพื่อให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ภรรยาจำเลยผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ก็เพื่อเจตนาเพียงจะได้รับชำระเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญาและกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำผิดเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางให้ผู้ร้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องการส่งเอกสาร และสิทธิในการขอคืนของกลางจากการกระทำผิด
คำสั่งศาลไม่ขยายเวลาให้โจทก์คัดสำเนาเอกสารหรือไม่เลื่อนการพิพากษาคดีไปเป็นการตัดพยานโจทก์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งแต่มิได้โต้แย้งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โจทก์เป็นผู้โดยสารในรถยนต์คันที่ชนกับรถบรรทุกที่จำเลยที่1ขับโจทก์ฟ้องว่าเหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของฝ่ายจำเลยแต่จำเลยให้การปฏิเสธในข้อนี้โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างหน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์โจทก์จึงต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้ศาลเห็นตามข้อกล่าวอ้างของตน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดแปรรูปไม้และครอบครองไม้ในเขตควบคุม, ความรับรู้เขตอุทยานแห่งชาติมีผลต่อความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ฯซึ่งได้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่ทุกจังหวัดหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งการแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองณที่ใดภายในราชอาณาจักรถือเป็นความผิดทั้งสิ้นสำหรับในท้องที่เกิดเหตุจำเลยแถลงยอมรับว่าม.ป่าไม้อำเภอและจ.กำนันได้ดำเนินการปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบแล้วและจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธความข้อนี้จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตรดังกล่าวแล้ว. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติฯมาตรา8บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงไว้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติการที่ทางกระทรวงเกษตรแจ้งให้ทางอำเภอกำนันและผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้ราษฎรในท้องที่ทราบถึงเขตของอุทยานแห่งชาติฯโดยไม่ปรากฏว่าได้มีการปักหลักเขตติดป้ายหรือเครื่องหมายอื่นใดที่พอแสดงให้ทราบอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติดังกล่าวจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบว่าท้องที่ซึ่งตนกระทำความผิดนั้นอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปในเขตควบคุม และความรับรู้เขตอุทยานแห่งชาติ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ฯ ซึ่งได้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตลอดเขตท้องที่ทุกจังหวัด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ณ ที่ใด ภายในราชอาณาจักรถือเป็นความผิดทั้งสิ้น สำหรับในท้องที่เกิดเหตุจำเลยแถลงยอมรับว่า ม. ป่าไม้อำเภอ และ จ. กำนันได้ดำเนินการปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบแล้วและจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธความข้อนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตรดังกล่าวแล้ว
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ฯ มาตรา 8 บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงไว้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ การที่ทางกระทรวงเกษตรแจ้งให้ทางอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน แจ้งให้ราษฎรในท้องที่ทราบถึงเขตของอุทยานแห่งชาติ ฯ โดยไม่ปรากฏว่าได้มีการปักหลักเขต ติดป้ายหรือเครื่องหมายอื่นใดที่พอแสดงให้ทราบอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติดังกล่าว จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบว่า ท้องที่ซึ่งตนกระทำความผิดนั้นอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การรับช่วงสิทธิประกันภัย และความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง
แม้ในคดีอาญาศาลจะฟังว่าจำเลยที่5ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถชนกันส่วนจำเลยที่1ไม่ได้ประมาทก็ตามแต่เมื่อโจทก์ไม่ได้เป็นผู้เสียหายหรือคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวโจทก์จึงไม่ถูกผูกพันโดยคำพิพากษาคดีอาญาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46โจทก์จึงมีสิทธินำสืบพยานว่าจำเลยที่1ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถชนกันได้. การที่เหตุรถชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยที่1และที่5ซึ่งจำเลยที่6ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่5ต้องร่วมรับผิดด้วยนั้นแม้จำเลยที่7จะรับประกันภัยค้ำจุนรถที่จำเลยที่5ขับโดยมีว.เป็นผู้เอาประกันภัยก็ตามแต่โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบให้รับฟังได้ว่าว.มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่5อันจะเป็นเหตุให้ว.จะต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่5ดังนั้นจำเลยที่7ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการรับเงินค่าช่วยเหลือการติดตามทรัพย์สินที่หายไป ไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายของผู้เสียหายขอให้จำเลยช่วยสืบหาทรัพย์ที่หายไปจำเลยสืบหาจนรู้ว่าทรัพย์อยู่ที่ไหนและพาผู้เสียหายไปเอาทรัพย์คืนมาได้การที่ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลยเป็นค่าสินน้ำใจที่จำเลยช่วยเหลือจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานรับของโจรและเมื่อเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินค่าไถ่ทรัพย์จำเลยจึงไม่ต้องคืนแก่ผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 54