คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสรี แสงศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306-2307/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษคดีอุ้มบุญเรียกค่าไถ่ ตามมาตรา 316 ป.อาญา กรณีผู้เสียหายได้รับอิสรภาพก่อนศาลตัดสิน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ได้รับเงินค่าไถ่จากพวกของผู้เสียหายแล้ว ได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา โดยผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316 บัญญัติให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยวที่1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ตามกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 วรรคแรกนั้น จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306-2307/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษคดีค่าไถ่เมื่อผู้เสียหายปลอดภัย และอำนาจศาลฎีกาในการแก้ไขคำพิพากษา
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6ได้รับเงินค่าไถ่จากพวกของผู้เสียหายแล้ว ได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา โดยผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316บัญญัติให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยวที่1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ตามกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 วรรคแรกนั้น จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิครอบครองเกิดขึ้นเมื่อชำระราคาครบถ้วน การครอบครองก่อนชำระราคาครบถ้วนเป็นการครอบครองแทน
โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญจาก ช.โดยสัญญามีข้อความว่า "ตามราคาเงินผู้ซื้อได้ตกลงชำระให้กับผู้ขาย 2,000 บาทถ้วน เหลือค้างอยู่ 6,000 บาท ผู้ซื้อยอมชำระให้กับผู้ขายเมื่อทำการโอนกันให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว" และมีบันทึกในสัญญาว่า "วันที่ 29 ตุลาคม 2507 ให้ไว้อีก 1,500 บาท" ดังนี้สัญญาระหว่าง ช. กับโจทก์ เป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทเมื่อโจทก์ยังไม่ได้ชำระราคาที่เหลือให้ ช. แม้โจทก์จะครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมานานเพียงไรก็ยังไม่ได้สิทธิครอบครอง เพราะการครอบครองของโจทก์เป็นการครอบครองแทน ช. โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ช. จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิครอบครองเกิดขึ้นเมื่อชำระราคาครบถ้วน การครอบครองก่อนชำระราคาครบถ้วนเป็นการครอบครองแทน
โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญจาก ช.โดยสัญญามีข้อความว่า "ตามราคาเงินผู้ซื้อได้ตกลงชำระให้กับผู้ขาย 2,000 บาทถ้วน เหลือค้างอยู่ 6,000 บาท ผู้ซื้อยอมชำระให้กับผู้ขายเมื่อทำการโอนกันให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว" และมีบันทึกในสัญญาว่า "วันที่ 29 ตุลาคม 2507 ให้ไว้อีก 1,500 บาท" ดังนี้สัญญาระหว่าง ช. กับโจทก์ เป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทเมื่อโจทก์ยังไม่ได้ชำระราคาที่เหลือให้ ช. แม้โจทก์จะครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมานานเพียงไรก็ยังไม่ได้สิทธิครอบครองเพราะการครอบครองของโจทก์เป็นการครอบครองแทน ช. โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ช. จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลาที่กระทำผิดหลายวันไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2528 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองถั่วแขกจำนวน 15 กระสอบ หนัก1,776 กิโลกรัม ราคา 10,000 บาท ของผู้เสียหายไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2528 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังถั่วแขกดังกล่าวเป็นของตน ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังยักยอกถั่วแขกของผู้เสียหายไปในระหว่างเวลาดังกล่าวฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุช่วงเวลาเบียดบังทรัพย์สินไม่ถือว่าฟ้องไม่ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2528 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองถั่วแขกจำนวน 15 กระสอบหนัก 1,776 กิโลกรัม ราคา 10,000 บาท ของผู้เสียหายไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2528 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังถั่วแขกดังกล่าวเป็นของตน ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังยักยอกถั่วแขกของผู้เสียหายไปในระหว่างเวลาดังกล่าว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุช่วงเวลากระทำผิดที่ไม่จำเป็นต้องระบุวันเวลาที่แน่นอน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2528 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองถั่วแขกจำนวน 15 กระสอบ หนัก 1,776 กิโลกรัม ราคา 10,000 บาท ของผู้เสียหายไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2528 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังถั่วแขกดังกล่าวเป็นของตน ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังยักยอกถั่วแขกของผู้เสียหายไปในระหว่างเวลาดังกล่าวฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2173/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเครื่องหมายการค้า: ศาลฎีกายืนโทษ ไม่รอการลงโทษ พิจารณาจากความร้ายแรงและปริมาณสินค้า
จำเลยได้ทำหรือผลิตเสื้อยืดและปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายมาจนกระทั่งผู้เสียหายสืบทราบและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม มีจำนวนไม่น้อยเฉพาะที่ยึดมาเป็นของกลางเป็นชิ้นส่วนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยดังนี้ ตามความร้ายแรงและผลการกระทำของจำเลยไม่สมควรรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดหลายกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ต้องกำหนดโทษทุกกระทง แม้มีโทษจำคุกตลอดชีวิต
กรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้ความผิดบางกระทงจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลก็ต้องกำหนดโทษความผิดกระทงอื่นไว้ด้วยแต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเพียงกระทงเดียวโดยไม่กำหนดโทษกระทงอื่นด้วยหาชอบไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมหลายกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ต้องกำหนดโทษทุกกระทง แม้มีโทษจำคุกตลอดชีวิต
กรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้ความผิดบางกระทงจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลก็ต้องกำหนดโทษความผิดกระทงอื่นไว้ด้วย แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเพียงกระทงเดียวโดยไม่กำหนดโทษกระทงอื่นอีก หาชอบไม่
of 54