คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสรี แสงศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไล่เบี้ยของผู้ค้ำประกันเมื่อถูกหักบัญชีเงินฝากชำระหนี้แทนลูกหนี้
ผู้ค้ำประกันถูกธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชีเงินฝากประจำใช้หนี้แทนลูกหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันสูญเสียเงินต้นและดอกเบี้ยที่ควรจะได้รับตามบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่วันที่ธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชี ผู้ค้ำประกันย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพื่อการสูญเสียดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไล่เบี้ยของผู้ค้ำประกันเมื่อถูกธนาคารหักบัญชีเงินฝากชำระหนี้แทนลูกหนี้
ผู้ค้ำประกันถูกธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชีเงินฝากประจำใช้หนี้แทนลูกหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันสูญเสียเงินต้นและดอกเบี้ยที่ควรจะได้รับตามบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่วันที่ธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชี ผู้ค้ำประกันย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพื่อการสูญเสียดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการฟ้องและการลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ โดยมีหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน เอกสารที่กฎหมายต้องการคือสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ซึ่งโจทก์ได้แนบสำเนาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้องแล้ว ส่วนปัญหาว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ล.เป็นตัวแทนลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ เป็นรายละเอียดซึ่งโจทก์มีสิทธินำสืบในชั้นพิจารณาได้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าได้มอบอำนาจให้ ล. เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้แนบสำเนาหนังสือมอบอำนาจมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อทำหนังสือมอบอำนาจให้ ล.ลงนามในสัญญาเซ่าซื้อแทนโจทก์ สัญญาเช่าซื้อก็ระบุว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ล.ย่อมมีอำนาจลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าซื้อและประทับตราของโจทก์กระทำการแทนโจทก์ได้แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะไม่ได้ระบุว่า ล.กระทำการแทนโจทก์ โจทก์ก็นำสืบถึงความข้อนี้ได้เพราะเป็นการสำสืบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวการกับตัวแทนว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำท้าทายและกิริยาที่ไม่สุภาพ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น
จำเลยกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับจำเลยว่า "ถ้าแน่จริงให้ถอดปืนที่เอวมาต่อยกันตัวต่อตัว" และ "ถ้าแน่จริงมายิงกันคนละนัดก็ได้ ไม่ต้องใช้กำปั้น ใช้ปืนดีกว่า" เป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น แม้ขณะที่กล่าวจำเลยได้ถอดกางเกงขายาวที่จำเลยสวมอยู่ออกเหลือแต่กางเกงชั้นใน ก็มิได้เป็นการทำให้ผู้เสียหายถูกดูหมิ่น ถ้อยคำและกิริยาท่าทางดังกล่าวจึงไม่เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนมีคำสั่งยกฟ้อง: ความถูกต้องของขั้นตอนกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องโจทก์เมื่อเวลา 9.05 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเมื่อเวลา 9.00 นาฬิกา ศาลชั้นต้นจะอ้างว่าโจท์ไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบหาได้ไม่ ชอบที่จะพิจารณาคำร้องของโจทก์เสียก่อนว่าสมควรจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องโจทก์โดยไม่พิจารณาคำร้องขอเลื่อนคดีที่ได้ยื่นไว้ก่อนที่จะมีคำสั่ง โดยอ้างว่าโจทก์ไม่มาศาลตามนัด เป็นการมีคำสั่งผิดขั้นตอนไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการร่วมประเวณี: การกระทำชำเราโดยสมัครใจ และขอบเขตความยินยอมที่ขยายผลถึงผู้อื่น
ผู้เสียหายยอมให้จำเลยที่ 1 ร่วมประเวณีโดยสมัครใจ แม้จำเลยที่ 2 จะช่วยจับขาผู้เสียหายถ่างออกในการร่วมประเวณีโดยสมัครใจของผู้เสียหาย เช่นนั้น ย่อมไม่ทำให้การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิด ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยทั้งสองมาคุยด้วยบนบ้านในลักษณะเปลือยกายทั้งสองคน และยังยอมให้จำเลยที่ 1 ร่วมประเวณีด้วยความสมัครใจต่อหน้าจำเลยที่ 2 ทั้งที่มีแสงตะเกียงเช่นนั้น แสดงว่าผู้เสียหายสมัครใจแสวงสุขในเชิงโลกีย์วิสัยร่วมกับจำเลยทั้งสองโดยสมัครใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การฟ้องและได้ตัวผู้ต้องหามายังศาลเป็นสำคัญ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 นั้น ต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว อายุความจึงจะหยุดนับ บทบัญญัติตามมาตรานี้ไม่ได้ใช้บังคับในกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์เท่านั้น ในกรณีที่ราษฎรเป็นโจกท์ก็ต้องถือหลักอย่างเดียวกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2507 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2514 ความผิดของจำเลยที่โจทก์ฟ้องมีอายุความสิบปี โจทก์จะต้องฟ้องและได้ตัวจำเลยผู้กระทำผิดมายังศาลภายในวันที่ 30 มีนาคม 2524 คดีจึงจะไม่ขาดอายุความ โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยวันที่ 30 มีนาคม 2524 แต่ศาลชั้นต้นต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ต่อไป ระหว่างนั้นจะถือว่าได้ตัวจำเลยมายังศาลและจำเลยอยู่ในอำนาจศาลแล้วไม่ได้ อายุความยังไม่หยุดนับศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูล หมายเรียกจำเลยแก้คดีและได้ตัวจำเลยมาพิจารณาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2524 เกินสิบปีนับแต่วันที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดคดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1735/2514 ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาเด็กและเยาวชน: การส่งตัวจำเลยระหว่างอายุ และการฟ้องคดีเมื่อพ้นวัย
พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวจำเลยเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่วันที่11 กันยายน 2525 ขณะนั้นจำเลยอายุ 17 ปีเศษพนักงานสอบสวนจึงส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก ต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม 2525 สถานพินิจและคุ้มครองเด็กได้ส่งตัวจำเลยคืนพนักงานสอบสวนเพราะจำเลยมีอายุเกิน 18 ปีพนักงานสอบสวนจึงขออนุญาตฝากขังจำเลยต่อศาลอาญา และก่อน ครบกำหนดฝากขังโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาเมื่อวันที่10 มกราคม 2526 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการควบคุมตัวจำเลยในระหว่างสอบสวนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 มาตรา 24ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาเด็กและเยาวชน: การควบคุมตัวและอายุผู้ต้องหา
พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวจำเลยเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่วันที่11 กันยายน 2525 ขณะนั้นจำเลยอายุ 17 ปีเศษพนักงานสอบสวนจึงส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม 2525 สถานพินิจและคุ้มครองเด็กได้ส่งตัว จำเลยคืนพนักงานสอบสวนเพราะจำเลยมีอายุเกิน 18 ปีพนักงานสอบสวนจึงขออนุญาตฝากขัง จำเลยต่อศาลอาญา และก่อน ครบกำหนดฝากขังโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาเมื่อวันที่10 มกราคม 2526 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการควบคุมตัว จำเลยในระหว่างสอบสวนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ย่อมมี อำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 มาตรา 24ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์เบียดบังเงิน: การกำหนดฐานความผิดตามมาตรา 147 แทนมาตรา 352
แม้จำเลยมีตำแหน่งอาจารย์ทำหน้าที่สอนหนังสือ แต่จำเลยก็ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ใหญ่ให้ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกการเงินซึ่งอาจารย์ใหญ่มีอำนาจมอบหมายได้ เงินที่จำเลยได้รับและเบียดบังไปเป็นเงินค่าจำหน่ายผลิตผลและอื่น ๆ เมื่อจำเลยรับไว้แล้วมีหน้าที่ต้องนำส่งต่อคณะกรรมการรักษาเงิน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาทรัพย์ เมื่อจำเลยเบียดบังเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 หาใช่ มาตรา 352 ไม่
of 54