พบผลลัพธ์ทั้งหมด 535 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาเช็คต้องระบุวันปฏิเสธการจ่ายเงินชัดเจน หากฟ้องไม่สมบูรณ์แก้ไขไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยบรรยายฟ้องแต่เพียงวันเดือนปีที่จำเลยออกเช็ค และบรรยายต่อไปว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่าย โจทก์นำไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งไม่อาจชี้ชัดหรือคาดคะเนได้ว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันใด เป็นฟ้องที่ไม่ปรากฏวันที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การขอแก้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่จะต้องแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้ให้สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ไม่
การขอแก้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่จะต้องแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้ให้สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับข้อเท็จจริงจากเอกสารหลักฐาน และผลผูกพันตามคำท้าทายในคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินที่ยกให้จำเลยและต่อมาจำเลยนำไปขายฝากแก่ผู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณทั้งโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยให้จำเลยชำระหนี้บุคคลภายนอกแทนโจทก์ชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันว่า หากฝ่ายโจทก์สามารถนำหลักฐานการขายฝากมาแสดงต่อศาลจำเลยยอมแพ้ หากหามาไม่ได้โจทก์ยอมแพ้ โดยไม่ต้องมีการสืบพยานดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งเอกสารต่อศาลตามคำท้า และข้อความในเอกสารได้ระบุไว้ชัดแจ้งถึงเจตนาในการทำนิติกรรมการขายฝากที่พิพาทระหว่างจำเลยผู้ขายฝากกับ พ. ผู้รับซื้อฝาก ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลทั้งสองมีนิติสัมพันธ์ต่อกันถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำท้าแล้วโจทก์จึงเป็นฝ่ายชนะคดีส่วนปัญหาที่ว่าการขายฝากจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสภาพตามคำท้า หากฝ่ายโจทก์แสดงหลักฐานการขายฝากได้ ถือเป็นหลักฐานนิติสัมพันธ์และโจทก์ชนะคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินที่ยกให้จำเลยและต่อมาจำเลยนำไปขายฝากแก่ผู้อื่น โดยอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณ ทั้งโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยให้จำเลยชำระหนี้บุคคลภายนอกแทนโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันว่า หากฝ่ายโจทก์สามารถนำหลักฐานการขายฝากมาแสดงต่อศาล จำเลยยอมแพ้ หากหามาไม่ได้โจทก์ยอมแพ้ โดยไม่ต้องมีการสืบพยาน ดังนี้เมื่อโจทก์ส่งเอกสารต่อศาลตามคำท้า และข้อความในเอกสารได้ระบุไว้ชัดแจ้งถึงเจตนาในการทำนิติกรรมการขายฝากที่พิพาทระหว่างจำเลยผู้ขายฝากกับ พ. ผู้รับซื้อฝาก ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลทั้งสองมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำท้าแล้วโจทก์จึงเป็นฝ่ายชนะคดี ส่วนปัญหาที่ว่าการขายฝากจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164-165/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแล้ว ย่อมถือเสมือนไม่เคยฟ้อง ทำให้ฟ้องคดีซ้ำได้
โจทก์เคยนำสัญญากู้มาฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีก่อน ย่อมเท่ากับว่าโจทก์ไม่เคยยื่นฟ้องคดีแพ่งดังกล่าวการที่โจทก์นำสัญญากู้ในคดีก่อนมาฟ้องคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: แก้ไขคำพิพากษาโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตาม มาตรา 295 อีก2 กระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 290, 295 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: แก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อย ไม่รับฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตาม มาตรา 295 อีก 2 กระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 290, 295 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3763/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีลหุโทษ: พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องได้ แม้ผู้แจ้งความมิใช่ผู้เสียหายโดยตรง
คดีความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 386 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3763/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีลหุโทษ: แม้ผู้แจ้งความไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการก็มีอำนาจฟ้องได้
คดีความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368,386มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3614/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลายกรรม แม้การกระทำครั้งเดียว หากมีเจตนาให้เกิดผลหลายกรรม ถือเป็นความผิดหลายกระทง
การกระทำครั้งเดียวถ้าหากผู้กระทำมีเจตนาจะให้เกิดผลเป็นหลายกรรมก็ย่อมถือเป็นความผิดหลายกรรมได้ จำเลยมีเจตนาใช้รถผิดประเภทตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 128 กรรมหนึ่ง และมีเจตนากระทำความผิดฐานแย่งผลประโยชน์กับบริษัท ข. ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางอนุญาตตามมาตรา 138 อีกกรรมหนึ่งซึ่งแตกต่างกันในลักษณะของความผิดอย่างเห็นได้ชัดจำเลย จึงมีความผิดเป็น 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3389/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับในความผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก ต้องปรับตามตัวบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก มาตรา 40 และมาตรา 138ที่โจทก์ฟ้องไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับการลงโทษปรับไว้เป็น อย่างอื่น จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 มา ใช้บังคับ โดยต้องปรับจำเลยทั้งสามเรียงตามรายตัวบุคคล ไป จะปรับจำเลยทั้งสามรวมกันไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1339/2506)