คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปชา วรธรรมพินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตโมฆียะจากข้อมูลเท็จ การบอกล้างสัญญาต้องภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ทราบมูล
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วตั้งแต่เข้าทำสัญญาประกันชีวิตว่าตน ป่วยเป็นโรคลมชัก แต่แถลงข้อความเป็นเท็จว่าตน มีสุขภาพดีซึ่งหากผู้รับประกันภัยทราบความจริงจะไม่รับประกันชีวิตไว้ เช่นนี้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยผู้รับประกันชีวิต ให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตก เป็นโมฆียะแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ตั้งแต่เมื่อใดและได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวภายใน 1 เดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างแล้ว การที่จำเลยนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการบอกล้างไปยังผู้รับประโยชน์เท่านั้นยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบถึงการบอกล้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยโมฆียะจากข้อมูลเท็จ & หน้าที่การบอกล้างสัญญา
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเข้าทำสัญญาประกันชีวิตว่าตนป่วยเป็นโรคลมชัก แต่แถลงข้อความเป็นเท็จว่าตนมีสุขภาพดี ซึ่งหากผู้รับประกันภัยทราบความจริง จะไม่รับประกันชีวิตไว้ เช่นนี้ สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
จำเลยผู้รับประกันชีวิตให้การต่อสู้ว่าจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตกเป็นโมฆียะแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ตั้งแต่เมื่อใดและนำสืบด้วยว่าได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวภายใน 1 เดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างแล้ว การที่จำเลยนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการบอกล้างสัญญาดังกล่าวไปยังผู้รับประโยชน์เท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบครบถ้วนตามหน้าที่นำสืบ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4315/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านประเด็นชี้สองสถานและการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น กรณีทรัพย์มรดกและการมีอำนาจฟ้อง
จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านการชี้สองสถานว่าจำเลยเห็นว่าคดีควรมีประเด็นเพิ่มขึ้นอีกว่าทรัพย์มรดกของ ต. ได้แบ่งแก่ทายาทเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์ในการใช้ สิทธิอุทธรณ์ หรือ ฎีกาคำแถลงของจำเลยดังกล่าวมิใช่กรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เป็นกรณีที่จำเลยแถลงคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นในการชี้สองสถานว่ายังมีประเด็นเพิ่มอีกอันเป็นการโต้แย้งคำสั่งตามมาตรา 226(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจำเลยย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4315/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งประเด็นเพิ่มเติมหลังชี้สองสถานและการวินิจฉัยเรื่องอายุความคดีมรดก
จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านการชี้สองสถานว่าจำเลยเห็นว่าคดีควรมีประเด็นเพิ่มขึ้นอีกว่าทรัพย์มรดกของ ต. ได้แบ่งแก่ทายาทเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิอุทธรณ์หรือ ฎีกาคำแถลงของจำเลยดังกล่าวมิใช่กรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เป็นกรณีที่จำเลยแถลงคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นในการชี้สองสถานว่ายังมีประเด็นเพิ่มอีกอันเป็นการโต้แย้งคำสั่งตามมาตรา 226 (2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจำเลยย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4219/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ชื่อบริษัทที่มีคำว่า 'เงินทุน' โดยไม่ได้รับอนุญาต และการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อตามกฎหมาย
จำเลยใช้ชื่อว่าบริษัทเงินทุนในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยมิใช่บริษัทเงินทุนตามกฎหมาย ต่อมาระหว่างอุทธรณ์ได้มีประกาศใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯ ซึ่งมาตรา 37 บัญญัติให้เลิกใช้ชื่อดังกล่าวภายใน 180 วันนับแต่วันที่พ.ร.ก. ใช้บังคับ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเลิกใช้ชื่อว่า บริษัทเงินทุน ดังนี้จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 13, 72 แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ อีกต่อไป ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4219/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ธุรกิจเงินทุน และผลกระทบต่อความผิดฐานใช้ชื่อบริษัทที่สื่อถึงธุรกิจเงินทุน
จำเลยใช้ชื่อ ว่าบริษัทเงินทุนในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยมิใช่บริษัทเงินทุนตามกฎหมาย ต่อมาระหว่างอุทธรณ์ได้มีประกาศใช้บังคับ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯ พ.ศ. 2526 ซึ่งมาตรา 37 บัญญัติให้เลิกใช้ชื่อ ดังกล่าวภายใน 180 วันนับแต่วันที่ พ.ร.ก. ใช้บังคับ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ บริษัท เลิกใช้ชื่อ ว่าบริษัทเงินทุน ดังนี้ จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 13,72 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ พ.ศ. 2522 อีกต่อไปถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4219/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนชื่อบริษัทหลังมีกฎหมายใหม่ ทำให้ไม่เป็นความผิดฐานใช้ชื่อบริษัทเงินทุนโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยใช้ชื่อว่าบริษัทเงินทุนในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยมิใช่บริษัทเงินทุนตามกฎหมาย ต่อมาระหว่างอุทธรณ์ได้มีประกาศใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯ ซึ่งมาตรา 37บัญญัติให้เลิกใช้ชื่อดังกล่าวภายใน 180 วันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา ใช้บังคับ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเลิกใช้ชื่อว่า บริษัทเงินทุน ดังนี้จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 13,72 แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ อีกต่อไป ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณ ไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียน
กระบือพิพาทสองตัวยังไม่มีตั๋ว รูปพรรณ แต่ละตัวอายุประมาณ5 ปี ไม่แน่ชัด ว่าอายุย่าง เข้าปีที่หก และไม่ปรากฏว่าเป็นกระบือที่ได้ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้ว ไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ. สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482มาตรา 8(2)(3) เมื่อจำเลยซื้อกระบือพิพาทจากโจทก์เพื่อฆ่า การซื้อขายดังกล่าวสมบูรณ์โดยไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามป.พ.พ. มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนดังกล่าวหมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้วเท่านั้น และหากจำเลยจะนำกระบือดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร จำเลยจึงจะมีหน้าที่ต้องนำกระบือไปขอจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตามมาตรา 8(4) แห่ง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณไม่จำเป็นต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียน
จำเลยซื้อกระบือเพศผู้อายุประมาณ 5 ปี ซึ่งยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณจากโจทก์เพื่อส่งไปทำเนื้อกระป๋องที่ประเทศมาเลเซีย กระบือดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามมาตรา 8 (2) (3) และ (4)แพ่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯการซื้อขายกระบือจึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 หมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋วรูปพรรณแล้วเท่านั้น การซื้อขายกระบือระหว่างโจทก์จำเลยจึงสมบูรณ์ เมื่อจำเลยรับมอบกระบือที่พิพาทไปจากโจทก์และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว หากจำเลยจะนำออกนอกราชอาณาจักร จำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 8 (4) แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพุทธศักราช 2482.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณ ไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียน
จำเลยซื้อกระบือเพศผู้อายุประมาณ 5 ปี ซึ่งยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณจากโจทก์เพื่อส่งไปทำเนื้อกระป๋องที่ประเทศมาเลเซีย กระบือดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามมาตรา 8(2)(3) และ (4)แพ่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯการซื้อขายกระบือจึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 หมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋วรูปพรรณแล้วเท่านั้น การซื้อขายกระบือระหว่างโจทก์จำเลยจึงสมบูรณ์ เมื่อจำเลยรับมอบกระบือที่พิพาทไปจากโจทก์และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว หากจำเลยจะนำออกนอกราชอาณาจักร จำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 8(4) แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพุทธศักราช 2482.
of 64