พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนที่ดินที่เป็นสินสมรสเนื่องจากผู้ซื้อไม่สุจริตและไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม
เมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1ซึ่งสมรสกันมาตั้งแต่พ.ศ.2475โดยยังมิได้หย่าร้างกันดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1475. จำเลยที่3เป็นบุตรของจำเลยที่1เคยทราบว่ามารดาและพี่ชายเคยถูกโจทก์ฟ้องขอเพิกถอนการโอนที่ดินบางแปลงมาแล้วแสดงว่าจำเลยที่3ทราบดีว่าโจทก์ก็ยังเป็นภริยาจำเลยที่1อยู่นอกจากนี้ในวันโอนที่ดินแปลงพิพาทก็ได้ทราบจากพนักงานที่ดินแล้วว่าโจทก์เคยอายัดที่ดินแปลงนี้ไว้แต่หมดอายุแล้วแต่จำเลยที่3ก็ยังฝืนรับซื้อที่ดินจากจำเลยที่1จึงส่อถึงเจตนาอันไม่สุจริตฉะนั้นเมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1จำเลยที่1จะขายที่ดินแปลงนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์หรือโจทก์ให้สัตยาบันเสียก่อนการขายนั้นจึงจะสมบูรณ์การที่จำเลยที่1ขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่3โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และจำเลยที่3กระทำการโดยไม่สุจริตดังนี้โจทก์จึงมีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินแปลงนี้ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนที่ดินที่เป็นสินสมรส เนื่องจากผู้ซื้อรู้ถึงข้อพิพาทและสถานะเจ้าของร่วม
เมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1ซึ่งสมรสกันมาตั้งแต่พ.ศ.2475โดยยังมิได้หย่าร้างกันดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามป.พ.พ.มาตรา1475 จำเลยที่3เป็นบุตรของจำเลยที่1เคยทราบว่ามารดาและพี่ชายเคยถูกโจทก์ฟ้องขอเพิกถอนการโอนที่ดินบางแปลงมาแล้วแสดงว่าจำเลยที่3ทราบดีว่าโจทก์ก็ยังเป็นภริยาจำเลยที่1อยู่นอกจากนี้ในวันโอนที่ดินแปลงพิพาทก็ได้ทราบจากพนักงานที่ดินแล้วว่าโจทก์เคยอายัดที่ดินแปลงนี้ไว้แต่หมดอายุแล้วแต่จำเลยที่3ก็ยังฝืนรับซื้อที่ดินจากจำเลยที่1จึงส่อถึงเจตนาอันไม่สุจริตฉะนั้นเมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1จำเลยที่1จะขายที่ดินแปลงนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์หรือโจทก์ให้สัตยาบันเสียก่อนการขายนั้นจึงจะสมบูรณ์การที่จำเลยที่1ขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่3โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และจำเลยที่3กระทำการโดยไม่สุจริตดังนี้โจทก์จึงมีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินแปลงนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการผู้จัดการโอนทรัพย์สินบริษัทที่เป็นหนี้เจ้าหนี้ ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย ถือเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ส. จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัท ส.เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยได้โอนทรัพย์สินของบริษัท ส. ให้บริษัท อ. ซึ่งเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน แม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการ ก็ถือได้ว่าจำเลยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการโอนทรัพย์สินบริษัทลูกหนี้เข้าเจ้าหนี้รายอื่น ทำให้โจทก์เสียหาย ถือเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้ทำตามมติที่ประชุม
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทส.จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัทส.เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้รับชำระหนี้จำเลยได้โอนทรัพย์สินของบริษัทส.ให้บริษัทอ.ซึ่งเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนแม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการก็ถือได้ว่าจำเลยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในมรดกโดยการทำสัญญาและการครอบครองทรัพย์สินอย่างเปิดเผยของจำเลย
ทรัพย์มรดกเป็นที่ดินมือเปล่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์โดยข้อกำหนดในพินัยกรรมระบุว่าให้พินัยกรรมมีผลเมื่อภริยาของเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วระหว่างที่โจทก์เป็นผู้เยาว์ให้จำเลยเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายอุปการะเลี้ยงดูโจทก์โจทก์ทราบข้อความในพินัยกรรมตั้งแต่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วแต่ในระหว่างที่ภริยาของเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่นั้นโจทก์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วได้แสดงเจตนาสละสิทธิในทรัพย์มรดกเมื่อภริยาของเจ้ามรดกถึงแก่กรรมจำเลยก็ได้ครอบครองทรัพย์มรดกอย่างเป็นเจ้าของนับแต่นั้นเป็นต้นมาดังนี้ทรัพย์มรดกจึงตกเป็นของจำเลยแล้วโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกและเงินผลประโยชน์อันเกิดจากทรัพย์มรดกจากจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในมรดกโดยการซื้อขายและครอบครองปรปักษ์ การเปลี่ยนแปลงเจตนาหลังพินัยกรรม
ทรัพย์มรดกเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์โดยข้อกำหนดในพินัยกรรมระบุว่า ให้พินัยกรรมมีผลเมื่อภริยาของเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว ระหว่างที่โจทก์เป็นผู้เยาว์ให้จำเลยเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ โจทก์ทราบข้อความในพินัยกรรมตั้งแต่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วแต่ในระหว่างที่ภริยาของเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่นั้นโจทก์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วได้แสดงเจตนาสละสิทธิในทรัพย์มรดก เมื่อภริยาของเจ้ามรดกถึงแก่กรรม จำเลยก็ได้ครอบครองทรัพย์มรดกอย่างเป็นเจ้าของนับแต่นั้นเป็นต้นมา ดังนี้ทรัพย์มรดกจึงตกเป็นของจำเลยแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกและเงินผลประโยชน์อันเกิดจากทรัพย์มรดกจากจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูแลต้นกัญชาที่ขึ้นเองในที่นาถือเป็นการ 'ผลิต' ยาเสพติดผิดกฎหมาย
ต้นกัญชาเกิดขึ้นเองในที่นาจำเลยจำเลยดูแลรดน้ำต้นกัญชาดังกล่าวโดยรู้ว่าเป็นต้นกัญชาถือได้ว่าเป็นการปลูกต้นกัญชาซึ่งเป็นความผิดฐานผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่5แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูแลต้นกัญชาที่ขึ้นเองในที่นา ถือเป็นการ 'ผลิต' ยาเสพติดผิดกฎหมาย
ต้นกัญชาเกิดขึ้นเองในที่นาจำเลย จำเลยดูแลรดน้ำต้นกัญชาดังกล่าวโดยรู้ว่าเป็นต้นกัญชา ถือได้ว่าเป็นการปลูกต้นกัญชา ซึ่งเป็นความผิดฐานผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ศาลเมื่อจำเลยไม่ฎีกา: ส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา แม้จำเลยอื่นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 5 จำคุกตลอดชีวิตและจำเลยมิได้อุทธรณ์เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นต้องส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำนวนเกี่ยวกับจำเลยที่ 5 ไปศาลอุทธรณ์โดยตรงแต่ส่งไปเพราะจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 อุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์ตรวจพบ ก็มีอำนาจหยิบยกคดีส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 ขึ้นวินิจฉัยไปพร้อมกับจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ได้ แต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเพียงว่า จำเลยที่ 5 มิได้อุทธรณ์ คดียุติ หาได้วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 5 กระทำความผิดตามฟ้องเพียงใดหรือไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ศาลส่งสำนวนคดีอาญาให้ศาลอุทธรณ์แม้จำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์ และการวินิจฉัยความผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่5จำคุกตลอดชีวิตและจำเลยมิได้อุทธรณ์เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นต้องส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา245เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำนวนเกี่ยวกับจำเลยที่5ไปศาลอุทธรณ์โดยตรงแต่ส่งไปเพราะจำเลยที่1ถึงที่5อุทธรณ์หากศาลอุทธรณ์ตรวจพบก็มีอำนาจหยิบยกคดีส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่5ขึ้นวินิจฉัยไปพร้อมกับจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ได้แต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเพียงว่าจำเลยที่5มิได้อุทธรณ์คดียุติหาได้วินิจฉัยว่าจำเลยที่5กระทำความผิดตามฟ้องเพียงใดหรือไม่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย.