คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 127

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5334/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้มีผลบังคับใช้ได้ หากเกิดจากความเข้าใจผิดเรื่องที่ดิน และการข่มขู่เป็นเพียงการใช้สิทธิตามปกติ
การซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายโดยยึดถือจำนวนเนื้อที่เป็นสำคัญปรากฏภายหลังว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากจำเลยได้รวมเอาที่ดินสาธารณะไว้ด้วยบางส่วน ทำให้เนื้อที่ดินขาดหายไป เมื่อโจทก์ไปขอเงินค่าที่ดินคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนเงินให้ เช่นนี้ย่อมมีเหตุที่จะทำให้โจทก์เข้าใจได้ว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์โดยเอาที่สาธารณะมาขายให้ แม้พฤติการณ์จะยังไม่ปรากฏชัดแจ้งก็ตาม การที่โจทก์พูดขู่จำเลยว่าหากไม่คืนเงินจะฟ้องให้จำเลยติดคุกติดตะราง จำเลยจึงยอมลงลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือรับสภาพหนี้ยอมรับจะใช้เงินที่ขาดคืนแก่โจทก์ เป็นกรณีที่โจทก์ทำไปโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำได้ตามกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม หาใช่การข่มขู่อันจะทำให้นิติกรรมเป็นโมฆียะไม่ หนังสือรับสภาพหนี้จึงมีผลใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเจรจาหนี้สินโดยไม่มีการข่มขู่ การลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงย่อมมีผลผูกพัน
โจทก์พาจำเลยที่ 1 ไปเจรจาในห้องของร้อยเวร โจทก์บอกว่าจำเลยที่ 2 ยืมเงินโจทก์ 40,000 บาท และลักเครื่องวีดีโอ ของโจทก์รวมแล้วเป็นหนี้โจทก์ 70,000 บาท ขอให้ผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาทและให้จำเลยที่ 1 ไปปรึกษากับจำเลยที่ 2 ที่ถูกขังอยู่ในห้องขังจำเลยที่ 1 จึงถามจำเลยที่ 2 ว่าจะผ่อนชำระหรือไม่ จำเลยที่ 2ตอบว่า แล้วแต่ โจทก์และจำเลยทั้งสองจึงได้ลงลายมือชื่อในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า จำเลยที่ 2 เป็นหนี้โจทก์อยู่70,000 บาท ยอมผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ค้ำประกัน ดังนี้พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกข่มขู่ให้ลงชื่อ การที่โจทก์กล่าวกับจำเลยทั้งสองว่า หากจำเลยไม่ยอมลงชื่อในบันทึกข้อตกลง โจทก์จะดำเนินคดีอาญาจำเลยที่ 2เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมตาม ป.พ.พ. มาตรา 127 ไม่เป็นการข่มขู่ตามกฎหมายที่จะทำให้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกเป็นโมฆียะ ส่วนการที่โจทก์กล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรีว่า ได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาว่า จำเลยที่ 2 ลักเครื่องวีดีโอ เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวจำเลยที่ 2 และนำตัวจำเลย ที่ 2 ไปที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาเพื่อเจรจาตกลงดังกล่าวเป็นกรณีโจทก์ใช้อุบายพาจำเลยที่ 2 ไปไป สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาไม่เป็นการข่มขู่ให้จำเลยทั้งสองยอมตกลงกับโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกให้ลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงดำเนินคดีทุจริต ไม่ถือเป็นการข่มขู่ให้ลาออก
เมื่อลูกจ้างได้กระทำการอันส่อว่าทุจริตเกี่ยวกับการเงินแล้วนายจ้างบอกให้ลูกจ้างลาออกมิฉะนั้นจะดำเนินคดีเป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ดังนั้น เมื่อลูกจ้างสมัครใจลาออก จึงถือไม่ได้ว่านายจ้างเลิกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่เพื่อบังคับให้เซ็นเช็คเป็นโมฆะ และไม่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย
การที่นายตำรวจขู่ให้โจทก์ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้จำเลย มิฉะนั้นจะจับโจทก์ไปขังในฐานะเป็นบุคคลซึ่งเป็นภัยต่อสังคมนั้น ไม่ถือว่า เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหรือตามปกตินิยม
แม้บุคคลภายนอกจะเป็นผู้ข่มขู่ ก็ย่อมทำให้เช็คนั้นเสื่อมเสียตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 128 และเมื่อได้บอกล้างแล้วจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่ให้เซ็นเช็คโดยอ้างอำนาจรัฐเป็นโมฆะ การใช้สิทธิตามกฎหมายต้องสุจริตและชอบธรรม
การที่นายตำรวจขู่ให้โจทก์ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้จำเลย มิฉะนั้นจะจับโจทก์ไปขังในฐานะเป็นบุคคลซึ่งเป็นภัยต่อสังคมนั้น ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหรือตามปกตินิยม
แม้บุคคลภายนอกจะเป็นผู้ข่มขู่ ก็ย่อมทำให้เช็คนั้นเสื่อมเสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 128 และเมื่อได้บอกล้างแล้วจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ตกเป็นโมฆียะ แม้ทำสัญญาเนื่องจากเกรงกลัวถูกฟ้องร้อง
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะเกรงว่าจะถูกฟ้องเสียชื่อเสียงขาดความไว้วางใจ เป็นการเนื่องมาจากการใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมตามปกติ ไม่เป็นโมฆียะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่โดยการแจ้งความดำเนินคดีอาญาไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 127 สัญญาประนีประนอมยังใช้บังคับได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยจะผ่อนชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยแก้ตัวเลขปีกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจาก 2521 เป็น 2520 และลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย เพราะโจทก์กับพวกขู่ว่า หากจำเลยไม่แก้ โจทก์จะเอาเช็คที่จำเลยออกให้แก่ ผู้อื่น ซึ่งมาตกอยู่ในครอบครองของโจทก์ฟ้องคดีอาญาแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงิน ดังนี้ การขู่ของโจทก์เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 127 ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ การที่จำเลยแก้กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงไม่เป็นโมฆียะ และมีผลใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญะประนีประนอมยอมความด้วยเหตุข่มขู่: การขู่ฟ้องคดีอาญาไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
โจทก์ขู่ให้จำเลยแก้วันในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิมจาก พ.ศ.2521 เป็น 2520 โดยว่าถ้าไม่แก้จะนำเช็คซึ่งจำเลยออกให้ผู้อื่นและตกอยู่ในมือโจทก์ไปฟ้องคดีอาญาว่าออกเช็คไม่มีเงินการขู่ดังนี้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตตามปกตินิยมไม่เป็นโมฆียะตามมาตรา127

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้สมบูรณ์หรือไม่? การข่มขู่เป็นเหตุให้โมฆียะ/โมฆะได้หรือไม่? อำนาจฟ้องและฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลี่ยมตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้บริษัทโจทก์ไว้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมอยู่แก่บริษัทโจทก์ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้รับว่าเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ตามจำนวนในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นนั้นจริง แต่จำเลยบิดพลิ้วไม่ชำระ จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ ดังนี้ เป็นฟ้องที่ได้กล่าวระบุความอันเป็นมูลกรณีที่ทำให้เปิดอำนาจฟ้องร้องของโจทก์ และเหตุที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แล้ว แม้จะมิได้ระบุว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลี่ยม เมื่อเดือนไหน ปีไหน กี่ครั้ง ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
จำเลยอ้างว่า ที่จำเลยยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ เพราะบริษัทโจทก์ข่มขู่ว่าจะไม่ส่งน้ำมันที่จำเลยสั่งซื้อให้ จำเลยมีความต้องการที่จะขายน้ำมันของบริษัทโจทก์ต่อไป ทั้งมีลูกค้าสั่งซื้อน้ำมันจากจำเลยรอรับน้ำมันจากจำเลยอยู่เป็นจำนวนมากหากไม่ได้น้ำมันไปจะถูกต่อว่าและเสียลูกค้าจำนวนมากไป ทั้งจะต้องเสียซื่อเสียงในการค้า ตกอยู่ภายใต้บังคับจิตใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ จึงย่อมเป็นการถูกต้องชอบธรรมที่บริษัทโจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระ หรือให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ การกระทำของบริษัทโจทก์เป็นเพียงการหาทางตกลงในการคิดบัญชีหนี้สิน หรือการเร่งรัดเอาชำระหนี้จากจำเลยตามสิทธิที่มีอยู่ของบริษัทโจทก์เท่านั้น หาเป็นการข่มขู่ถึงขนาดที่จะทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 126 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้สมบูรณ์ แม้มีการโต้แย้งเรื่องการข่มขู่ การฟ้องร้องต้องระบุรายละเอียดหนี้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้บริษัทโจทก์ไว้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมอยู่แก่บริษัทโจทก์ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้รับว่าเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ตามจำนวนในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นจริง แต่จำเลยบิดพลิ้วไม่ชำระจึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องที่ได้กล่าวระบุความอันเป็นมูลกรณีที่ทำให้เกิดอำนาจฟ้องร้องของโจทก์ และเหตุที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แล้วแม้จะมิได้ระบุว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมเมื่อเดือนไหน ปีไหน กี่ครั้งก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
จำเลยอ้างว่า ที่จำเลยยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์เพราะบริษัทโจทก์ข่มขู่ว่าจะไม่ส่งน้ำมันที่จำเลยสั่งซื้อให้ จำเลยมีความต้องการที่จะขายน้ำมันของบริษัทโจทก์ต่อไป ทั้งมีลูกค้าสั่งซื้อน้ำมันจากจำเลยรอรับน้ำมันจากจำเลยอยู่เป็นจำนวนมาก หากไม่ได้น้ำมันไปจะต้องถูกต่อว่าและเสียลูกค้าจำนวนมากไป ทั้งจะต้องเสียชื่อเสียงอีกด้วยการข่มขู่ดังกล่าวเป็นภัยที่ถูกคุกคามทำให้หวั่นเกรงต่อเกียรติยศชื่อเสียงในการค้าตกอยู่ภายใต้บังคับจิตใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ จึงย่อมเป็นการถูกต้องชอบธรรมที่บริษัทโจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระ หรือให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ การกระทำของบริษัทโจทก์เป็นเพียงการหาทางตกลงในการคิดบัญชีหนี้สิน หรือการเร่งรัดเอาชำระหนี้จากจำเลยตามสิทธิที่มีอยู่ของบริษัทโจทก์เท่านั้น หาเป็นการข่มขู่อันถึงขนาดที่จะทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 126 ไม่
of 2