พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง ต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟัง หากรับฟังได้เพียงว่ามีเฮโรอีนติดอยู่ในหลอดฉีดยา ไม่ใช่เฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอด ศาลย่อมลงโทษไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ (ก) ว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองซึ่งเป็นเฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาพร้อมเข็ม แต่ไม่อาจชั่งน้ำหนักได้เนื่องจากจำเลยได้เสพไปแล้วดังกล่าวในข้อ (ข)และกล่าวในฟ้องข้อ(ข) ว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในฟ้องข้อ (ก) นั้น ย่อมมีความหมายว่าเฮโรอีนที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองได้แก่เฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาก่อนที่จำเลยจะเสพโดยฉีดเข้าไปในร่างกาย ดังนั้น เมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้เสพเฮโรอีนโดยวิธีฉีดเข้าร่างกาย คือไม่มีเฮโรอีนบรรจุอยู่ในหลอดฉีดยา คงมีแต่เฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยา จึงเป็นกรณีข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดียาเสพติด: ข้อหาครอบครองต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟังได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่
โจทก์บรรยายในฟ้องข้อ (ก) ว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองซึ่งเป็นเฮโรอีนที่บรรจุในหลอดฉีดยาพร้อมเข็ม และกล่าวในฟ้องข้อ (ข)ว่าจำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในฟ้องข้อ(ก)ด้วย ทางพิจารณาได้ความว่าไม่มีเฮโรอีนบรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาคงมีแต่เฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยา จึงเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา มิใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสี่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในคดีครอบครองยาเสพติด การลงโทษต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟัง
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ (ก) ว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง ซึ่งเป็นเฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาพร้อมเข็ม แต่ไม่อาจชั่งน้ำหนักได้เนื่องจากจำเลยได้เสพไปแล้วดังกล่าวในข้อ (ข) และกล่าวในฟ้องข้อ (ข) ว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในฟ้องข้อ (ก) นั้น ย่อมมีความหมายว่า เฮโรอีนที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองได้แก่เฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาก่อนที่จำเลยจะเสพโดยฉีดเข้าไปในร่างกาย ดังนั้น เมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้เสพเฮโรอีนโดยวิธีฉีดเข้าร่างกาย คือไม่มีเฮโรอีนบรรจุอยู่ในหลอดฉีดยา คงมีแต่เฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยา จึงเป็นกรณีข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับคดี: การยื่นคำขอภายใน 10 ปีนับจากวันพิพากษา เพียงพอ แม้การยึดทรัพย์เกิน 10 ปี
ป.วิ.พ. มาตรา 271 บังคับให้ฝ่ายชนะคดียื่นคำร้องขอบังคับคดีภายใน 10 ปี หาใช่บังคับคดีให้เสร็จภายใน 10 ปีไม่ เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอหมายบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษาแล้ว แม้จะมีการยึดทรัพย์หลังจากล่วงพ้นระยะเวลา 10 ปีเนื่องจากหาที่ดินที่จำเลยจำนองไว้ไม่พบ ก็ยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดี สิทธิของโจทก์ในการที่จะให้มีการบังคับคดียังคงมีอยู่จนกว่าจะมีการบังคับคดีเสร็จสิ้น จำเลยจึงไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการบังคับคดีได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานก่อนการพิพากษาคดีแพ่ง ทำให้ข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เป็นประเด็นไว้หลายประการว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีผลบังคับและค่าเสียหายที่โจทก์เรียกสูงเกินไป ซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบต่อสู้ตามประเด็นดังกล่าวได้เพียงแต่โจทก์อ้างส่งเอกสารเป็นพยานโดยมิได้มีพยานบุคคลมานำสืบประกอบ จะฟังเป็นจริงตามเอกสารดังกล่าวยังไม่ได้ และจำเลยมีสิทธินำสืบหักล้างเอกสารเหล่านั้นได้ด้วย การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย ทำให้ข้อเท็จจริงในคดีไม่กระจ่างชัดแจ้งพอที่จะวินิจฉัยคดีได้ ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง: การรับจำนำทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาว่าจำเลยรู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่จำเลยรับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาของจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าทรัพย์ที่รับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง: การรับจำนำทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิด
คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาว่าจำเลยรู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่จำเลยรับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาของจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าทรัพย์ที่รับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมโดยปริยายและการรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่มีสิทธิขอคืนของกลาง
รถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์ที่สามีจำเลยเช่าซื้อจากผู้ร้องเมื่อจำเลยนำไปใช้ในการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ครั้งแรกผู้ร้องได้ร้องขอคืนรถยนต์มาแล้วก็นำมาให้จำเลยและสามีจำเลยครอบครองต่อไปแทนที่จะเลิกสัญญาพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ร้องประสงค์เพียงค่าเช่าซื้อเท่านั้น จำเลยและสามีจำเลยจะนำรถยนต์ไปใช้อย่างไรก็ได้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้งานในการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้อีก จึงเข้าลักษณะผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัด และข้อจำกัดในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 201
เมื่อศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาป.วิ.พ. มาตรา 201 วรรคแรกห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งหรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไป อ้างว่ามิได้เป็นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ แต่เป็นการขอให้เพิกถอนคำสั่ง(จำหน่ายคดี) โดยไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีของโจทก์ไปโดยผิดระเบียบแต่ประการใดนั้น คำร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการขอให้พิจารณาคดีใหม่นั่นเอง ซึ่งต้องห้าม เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการพิจารณาผิดระเบียบจึงไม่มีเหตุต้องเพิกถอนคำสั่งนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณาและการไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งเช่นว่านี้หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่จำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไปเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ จึงต้องห้าม และกรณีไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้เพราะการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ