พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท ลักทรัพย์-วิ่งราวทรัพย์ ต้องใช้บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษ
จำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์โดยการฉกฉวยซึ่งหน้า การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) บทหนึ่ง และเป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าอันเป็นการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 วรรคแรกอีกบทหนึ่ง กรณีเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามมาตรา 90 ซึ่งต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยอัตราโทษชั้นสูงของมาตรา 335 (7) และ 336 วรรคแรกนั้นเท่ากันคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี แต่มาตรา 335 (7) มีโทษขั้นต่ำจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จึงมีบทลงโทษหนักกว่าต้องใช้มาตรา 335(7) เป็นบทลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท ลักทรัพย์-วิ่งราวทรัพย์ ต้องใช้บทที่มีโทษหนักกว่าลงโทษ
จำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์โดยการฉกฉวยซึ่งหน้า การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7) บทหนึ่ง และเป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าอันเป็นการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 วรรคแรกอีกบทหนึ่ง กรณีเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามมาตรา 90 ซึ่งต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยอัตราโทษชั้นสูงของมาตรา 335(7)และ 336 วรรคแรกนั้นเท่ากันคือจำคุกไม่เกิน5 ปี แต่มาตรา335(7) มีโทษขั้นต่ำจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จึงมีบทลงโทษหนักกว่าต้องใช้มาตรา 335(7) เป็นบทลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจฯ ไม่ถือเป็นการลงโทษจำคุก จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทลงโทษและกำหนดโทษ แม้จะเป็นการแก้ไขมาก แต่ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กมิใช่การลงโทษจึงถือมิได้ว่าศาลทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จากมรดกที่ดินต่อเนื่องจากผู้รับโอนมรดกเดิม
เจ้ามรดกตาย ที่ดินเป็นมรดกตก ได้แก่ภริยากับ พ.และส.บุตร ต่อมาภริยาเจ้ามรดกตาย พ. ได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของภริยาเจ้ามรดกโดยขอรับโอนมรดกที่ดิน เป็นการยืนยันเจตนาว่าประสงค์เอาที่ดินส่วนนี้เป็นของตน ครั้ง พ. ตาย จำเลยได้ครอบครองต่อมาเช่นนี้ ที่ดินส่วนของภริยาเจ้ามรดกจึงตก เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ส่งหมายเรียกที่ตู้ไปรษณีย์ และโจทก์ทราบแล้ว ย่อมไม่อุทธรณ์ได้
เจ้าพนักงานประเมินมีหมายเรียกถึงโจทก์รวม 2 ครั้งโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แจ้งให้โจทก์ไปให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการตรวจสอบไต่สวน และให้โจทก์ส่งมอบบัญชีพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบด้วย พนักงานไปรษณีย์มิได้นำส่งหมายเรียกยังภูมิลำเนาของโจทก์ แต่นำไปส่งไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ซึ่งโจทก์เช่าไว้ โจทก์ให้พนักงานของโจทก์ไปรับหมายเรียกดังกล่าวมาโดยถูกต้อง ถือได้ว่าโจทก์ทราบหมายเรียกของจำเลยโดยชอบแล้ว โจทก์จะอ้างว่าการส่งหมายเรียกไม่ถูกต้อง และถือเป็นเหตุไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลยหาได้ไม่ ดังนั้นการที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามหมายเรียกของจำเลยโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานของจำเลยจึงมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่รู้เห็นว่าถูกต้อง และแจ้งจำนวนเงินซึ่งต้องชำระไปยังโจทก์ได้ และในกรณีนี้ห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 21, 88 ประกอบมาตรา 87 (3) เมื่อโจทก์ถูกต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะอุทธรณ์ต่อศาลได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของสมาชิก อพป. เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
จำเลยเป็นสมาชิก อพป. มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ได้รับแจกอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืนของกลาง ซึ่งเป็นของทางราชการไว้ใช้ประจำตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ฯ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบและขาดการโต้แย้งเหตุผลศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกายกคำร้อง
ฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7),215,225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง,195,225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบและขาดการโต้แย้งข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมาย ศาลฎีกายกคำร้อง
ฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7), 215, 225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง, 195, 225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่สมบูรณ์ (ไม่มีลายมือชื่อ) และการโต้แย้งคำพิพากษาที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง จึงเป็นฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(7),215,225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อปรากฏว่าฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรค 2,195,225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการขับรถโดยละเลยการตรวจสภาพเบรกชำรุด ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
เบรกล้อหน้าซ้ายของรถยนต์ที่จำเลยขับชำรุดใช้การไม่ได้เป็นข้อชำรุดบกพร่องที่พบเห็นได้ก่อน แต่จำเลยซึ่งมีหน้าที่ขับรถประจำรถยนต์คันดังกล่าวมิได้ตรวจตราซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ จำเลยนำรถออกแล่นและเหยียบเบรกรถเมื่อประสบเหตุการณ์คับขัน ทำให้ไม่สามารถบังคับรถให้แล่นไปตามทิศทางบนถนนได้ เป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำมีคนบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,291.