พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารการจ่ายเงินไม่ใช่สัญญากู้ยืม แม้มีข้อความระบุการชำระคืน ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์ ยกฟ้อง
ตอนแรกของเอกสารเป็นรายการจ่ายเงินให้แก่จำเลยซึ่งมีทั้งเงินสดและเช็ค ไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และจะชดใช้ให้โจทก์อย่างไรแม้จำเลยลงลายมือชื่อตามรายการดังกล่าว ก็ไม่เป็นหลักฐานว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ ส่วนตอนที่สองอยู่ในช่องหมายเหตุที่ระบุว่า จำเลยรับเงินสดพร้อมเช็คจำนวนรวม 300,000 บาท จะนำต้นเงินและดอกเบี้ยมาชำระคืนให้โจทก์ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2524 จำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อ รับรองเนื้อความดังกล่าว จึงไม่เป็นหลักฐานการกู้เงิน สภาพของเอกสาร แสดงว่าข้อความในช่องหมายเหตุ ได้พิมพ์ขึ้นภายหลังข้อความตอนแรก แบบของเอกสาร ก็ไม่ใช่เป็นสัญญากู้เงิน แต่เป็นใบสำคัญการจ่ายเงิน ซึ่งจำเลยรับไปในฐานะเป็นสมาชิกของกลุ่ม การเมืองนำไปใช้จ่ายในการโฆษณาหาชื่อเสียงของพรรค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท และประเด็นอำนาจฟ้อง-สภาพบุคคลจำเลย
โจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 17,817.27 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 2 ในส่วนซึ่งอาจเป็นผลถึงโจทก์ที่ 2 ด้วย จึงเป็นการมิชอบ จำเลยที่ 2 จะฎีกาขึ้นมาอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การสรุปได้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 1 มิได้เป็นพนักงานขับรถและไม่มีอำนาจในการใช้รถของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้กระทำการในทางการที่จำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 2 หมดสภาพการเป็นิติบุคคลตั้งแต่ก่อนเกิดการละเมิดและก่อนที่โจทก์จะยื่นฟ้องแล้วนั้น จำเลยที่ 6 มิได้ให้การถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 2 ให้การสรุปได้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 1 มิได้เป็นพนักงานขับรถและไม่มีอำนาจในการใช้รถของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้กระทำการในทางการที่จำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 2 หมดสภาพการเป็นิติบุคคลตั้งแต่ก่อนเกิดการละเมิดและก่อนที่โจทก์จะยื่นฟ้องแล้วนั้น จำเลยที่ 6 มิได้ให้การถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท และการพิสูจน์การกระทำละเมิดในทางการจ้าง
โจทก์ที่2ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง17,817.27บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยที่2ในส่วนซึ่งอาจเป็นผลถึงโจทก์ที่2ด้วยจึงเป็นการมิชอบ การที่จำเลยที่1ลูกจ้างผู้ทำหน้าที่ธุรการในกองแก๊สของจำเลยที่2ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขับรถยนต์ของจำเลยที่2ซึ่งเป็นรถที่มีไว้เพื่อใช้งานรับส่งหนังสือและติดต่อภายนอกอันเป็นงานที่อยู่ในขอบข่ายหน้าที่การงานของพนักงานธุรการไปในเวลาทำงานของจำเลยที่2แล้วไปชนกับรถยนต์ของโจทก์นั้นเป็นพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าจำเลยที่1ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่2ในขณะเกิดเหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี สิทธิในภาระจำยอมตกสู่ผู้รับโอน
เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2676 คนเดิม ได้ใช้ทางเดินผ่านเข้าออกในที่ดินจำเลยกับพวกโฉนดเลขที่ 1683 ออกไปสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งขัดขวาง ทางพิพาทก็ตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 2676 เมื่อที่ดินแปลงดังกล่าวโอนมาเป็นของโจทก์ที่ 1 สิทธิในภาระจำยอมย่อมตกมาเป็นของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 และผู้อยู่ในที่ดินดังกล่าวย่อมมีสิทธิใช้ทางพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิห้ามมิให้ใช้ทางพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนการให้เนื่องจากเนรคุณ ต้องพิสูจน์การประพฤติเนรคุณและยากไร้ของผู้รับให้ได้
การที่จำเลยกล่าวกับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาว่า"ที่จำเลยมีบาดแผลโจทก์ไม่สนใจทีนี้ตัดลูกตัดแม่กันหากโจทก์ตายจะลากลงน้ำไม่เผาจำเลยเลือดทาแผ่นดินแล้วโจทก์ยังไม่มอง"นั้นยังไม่เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์คงเป็นถ้อยคำที่จำเลยไม่สมควรพูดกับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้นโจทก์จึงฟ้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณไม่ได้ การฟ้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณเป็นการฟ้องขอให้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับมาเป็นของโจทก์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสมบูรณ์แม้ไม่เป็นเอกสารฝ่ายเมือง, อายุความ, และสินสมรส
เจ้ามรดกมีเจตนาจะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองแต่ไม่ได้ไปทำต่อกรมการอำเภอ จึงไม่สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 แต่พินัยกรรมดังกล่าวเจ้ามรดกเป็นผู้เขียนขึ้นเองทั้งฉบับ จึงมีผลใช้บังคับได้ตามมาตรา 1657 หากเจ้ามรดกไม่ประสงค์ให้พินัยกรรมมีผลบังคับได้ต่อไป จะต้องเพิกถอนเสียโดยการทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจตามมาตรา 1695 แม้เจ้ามรดกจะได้พูดสั่งเสียต่อหน้าญาติผู้ใหญ่หลายคนเป็นทำนองเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อกำหนดในพินัยกรรม แต่ไม่มีการบันทึกและลงลายมือชื่อให้ถูกต้องสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบใดแบบหนึ่งตามมาตรา1656 ถึงมาตรา 1669 จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขพินัยกรรม
การที่จำเลยตกลงแบ่งที่นา บ้านและยุ้งข้าวพิพาทให้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมแล้ว เพิ่งกลับใจไม่ยอมโอนให้ในภายหลัง ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 แม้โจทก์จะฟ้องคดีภายหลังเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วเกิน 1 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
บ้านและยุ้งข้าวพิพาทเป็นของเจ้ามรดกมีมาก่อนแต่งงานกับจำเลยจึงมิใช่สินสมรสของจำเลยกับเจ้ามรดก.
การที่จำเลยตกลงแบ่งที่นา บ้านและยุ้งข้าวพิพาทให้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมแล้ว เพิ่งกลับใจไม่ยอมโอนให้ในภายหลัง ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 แม้โจทก์จะฟ้องคดีภายหลังเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วเกิน 1 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
บ้านและยุ้งข้าวพิพาทเป็นของเจ้ามรดกมีมาก่อนแต่งงานกับจำเลยจึงมิใช่สินสมรสของจำเลยกับเจ้ามรดก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์แต่ใช้บังคับได้ อายุความ และสินสมรส
เจ้ามรดกมีเจตนาจะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองแต่ไม่ได้ไปทำต่อกรมการอำเภอจึงไม่สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1658แต่พินัยกรรมดังกล่าวเจ้ามรดกเป็นผู้เขียนขึ้นเองทั้งฉบับจึงมีผลใช้บังคับได้ตามมาตรา1657หากเจ้ามรดกไม่ประสงค์ให้พินัยกรรมมีผลบังคับได้ต่อไปจะต้องเพิกถอนเสียโดยการทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจตามมาตรา1695แม้เจ้ามรดกจะได้พูดสั่งเสียต่อหน้าญาติผู้ใหญ่หลายคนเป็นทำนองเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อกำหนดในพินัยกรรมแต่ไม่มีการบันทึกและลงลายมือชื่อให้ถูกต้องสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบใดแบบหนึ่งตามมาตรา1656ถึงมาตรา1669จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขพินัยกรรม การที่จำเลยตกลงแบ่งที่นาบ้านและยุ้งข้าวพิพาทให้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมแล้วเพิ่งกลับใจไม่ยอมโอนให้ในภายหลังย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา192แม้โจทก์จะฟ้องคดีภายหลังเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วเกิน1ปีคดีก็ไม่ขาดอายุความ บ้านและยุ้งข้าวพิพาทเป็นของเจ้ามรดกมีมาก่อนแต่งงานกับจำเลยจึงมิใช่สินสมรสของจำเลยกับเจ้ามรดก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องหมายการค้าคล้ายกันทำให้สับสน ห้ามจดทะเบียนซ้ำ
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปหัวและคอม้าลาย และคำว่าหัวม้าลายกับอักษรโรมันว่า HEAD ZEBRA ส่วนของจำเลยที่ 1 เป็นรูปม้าลายทั้งตัวยืนอยู่ในวงกลม และคำว่า ตราม้าลายและอักษรโรมันว่า ZEBRA BRAND สาระสำคัญของเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยที่ 1 คือรูปม้าลายประชาชนผู้ซื้อสินค้าอาจเรียกว่า ตราม้าลาย เมื่อใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสับสนและหลงผิดในแหล่งผลิตได้ อันนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่ 13 ที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตสิทธิเครื่องหมายการค้าตามสัญญาประนีประนอมยอมความและการลวงสาธารณชน
คดีก่อนโจทก์จำเลยพิพาทกันเนื่องจากโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนใช้เครื่องหมายการค้าตราม้าลายสำหรับสินค้าจำพวกที่16จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนใช้เครื่องหมายการค้าตราม้าลายสำหรับสินค้าจำพวกที่16(ด)นายทะเบียนไม่จดทะเบียนให้จำเลยจึงฟ้องโจทก์แล้วโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าทั้งโจทก์จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าตราม้าลายร่วมกันในสินค้าทุกจำพวกที่ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนไว้ศาลพิพากษาตามยอมดังนี้คำว่า"ทุกจำพวก"จึงหมายถึงสินค้าในจำพวกที่16จำเลยจะอาศัยสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อนที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตราม้าลายสำหรับสินค้าจำพวกที่13ที่โจทก์จดทะเบียนไว้ก่อนแล้วมิได้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปหัวและคอม้าลาย และคำว่าหัวม้าลาย กับอักษรโรมันว่าHEADZEBRAส่วนของจำเลยเป็นรูปม้าลายยืนทั้งตัวอยู่ในวงกลมและคำว่าตราม้าลายและอักษรโรมันว่าZEBRABRANDสาระสำคัญของเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยคือรูปม้าลาย เมื่อใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสับสนและหลงผิดในแหล่งผลิตได้อันนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนจำเลยไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ความคล้ายคลึงจนทำให้สับสนและเป็นการลวงสาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปหัวและคอม้าลายและคำว่าหัวม้าลายกับอักษรโรมันว่าHEADZEBRAส่วนของจำเลยที่1เป็นรูปม้าลายทั้งตัวยืนอยู่ในวงกลมและคำว่าตราม้าลายและอักษรโรมันว่าZEBRABRANDสาระสำคัญของเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยที่1คือรูปม้าลายประชาชนผู้ซื้อสินค้าอาจเรียกว่าตราม้าลายเมื่อใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสับสนและหลงผิดในแหล่งผลิตได้ อันนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชนจำเลยที่1จึงไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่13ที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้แล้ว.