พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดแสดงความเห็นถึงยศของเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่นหรือสบประมาท ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจ ม. ในระหว่างพลตำรวจ ม. ตรวจดูรถแท็กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมา เมื่อพลตำรวจ ม. บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือ ร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่า ถ้าหากจำเลยสงสัย (ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่) ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้ จำเลยพูดว่า 'แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอก ไม่อยากคุยด้วยหรอก' ซึ่งแปลความหมายได้ว่า จำเลยพูดกับพลตำรวจ ม.ว่า จำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโท เพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไป จำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่ คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้น หาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของคนขับรถและนายจ้างต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ แม้ผู้เสียหายไม่มีส่วนประมาท ศาลมีอำนาจแบ่งจำนวนค่าเสียหายให้เหมาะสม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถฝ่ายหนึ่งกับนายจ้างร่วมรับผิดฐานละเมิดแม้เหตุที่รถชนกันจะเกิดจากความประมาทร่วมของคนขับรถทั้งสองฝ่ายเมื่อโจทก์มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทด้วยโดยเพียงนั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้นผู้ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์เต็มจำนวนมิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่งการที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิด. ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียวโดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากันศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของผู้อยู่ในเหตุการณ์ละเมิด และการแบ่งค่าเสียหายตามส่วนของโจทก์
โจทก์ฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถฝ่ายหนึ่งกับนายจ้างร่วมรับผิดฐานละเมิด แม้เหตุที่รถชนกันจะเกิดจากความประมาทร่วมของคนขับรถทั้งสองฝ่าย เมื่อโจทก์มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทด้วยโดยเพียงนั่งมาในรถยนต์สามล้อเท่านั้น ผู้ทำละเมิดทุกคนต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดนั้นต่อโจทก์เต็มจำนวน มิใช่รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง การที่ผู้ทำละเมิดแต่ละคนจะรับผิดมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องระหว่างผู้ทำละเมิด
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียว โดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากัน ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ทั้งสามจำนวนเดียว โดยมิได้แยกเป็นของแต่ละคนทั้งที่โจทก์ทั้งสามขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมาแต่ละคนไม่เท่ากัน ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดให้มากน้อยตามส่วนของแต่ละคนที่ขอมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และการพิพากษาเกินคำขอ กรณีต่อเติมบ้าน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินสองแปลงโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่ง ส่วนอีกแปลงหนึ่งมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ ที่ดินแปลงที่จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์นี้เมื่อคำนวณค่าเช่าที่ดินบริเวณใกล้เคียงก็ดี หรือค่าตอบแทนที่จำเลยได้รับจากที่ดินแปลงนี้ก็ดี อาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาทแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว 1 ห้องนอน เป็นการต่อเติมอย่างถาวร แม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่ 6/2 ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดิน ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 6/2 ได้ ไม่เกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว 1 ห้องนอน เป็นการต่อเติมอย่างถาวร แม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่ 6/2 ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดิน ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 6/2 ได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีขับไล่และการต่อเติมบ้านซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินสองแปลงโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งส่วนอีกแปลงหนึ่งมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงที่จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์นี้เมื่อคำนวณค่าเช่าที่ดินบริเวณใกล้เคียงก็ดีหรือค่าตอบแทนที่จำเลยได้รับจากที่ดินแปลงนี้ก็ดีอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000บาทแล้วเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่6ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว1ห้องนอนเป็นการต่อเติมอย่างถาวรแม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่6/2ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่6/2ได้ไม่เกินคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการปล้นทรัพย์และการเพิ่มโทษตามมาตรา 340 ตรี ต้องตีความโดยเคร่งครัด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีเป็นเพียงบทบัญญัติให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดให้หนักขึ้นเท่านั้นลำพังมาตรานี้หาได้เป็นความผิดอีกบทหนึ่งไม่จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดผู้ที่จะต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตราดังกล่าวจึงต้องหมายถึงเฉพาะผู้ที่มีพฤติการณ์ตามที่บัญญัติไว้เท่านั้นกรณีไม่เป็นเหตุในลักษณะคดีที่จะใช้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา89. จำเลยเพียงขับรถยนต์พาคนร้ายอื่นมาส่งและจำเลยนั่งรอในรถที่จอดอยู่ในซอยห่างที่เกิดเหตุประมาณ120เมตรจุดนั้นไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุได้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจะคอยดูต้นทางให้คนร้ายอื่นทั้งข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยร่วมสมคบกับคนร้ายอื่นวางแผนตระเตรียมมาปล้นทรัพย์ผู้เสียหายและไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร่วมกระทำการอย่างใดอันพึงถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดแต่การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายอื่นจำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายและมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน แม้เป็นเฮโรอีนชุดเดียวกัน
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้สายลับไป3ห่อแล้วยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่อีก1หลอดจำเลยจึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย3ห่อกับ1หลอดแม้เฮโรอีนที่จำเลยจำหน่ายให้กับสายลับเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการกระทำของจำเลยก็แยกได้เป็น2กรรมต่างหากจากกันมิใช่กรรมเดียวเพราะการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำผิดแตกต่างแยกจากกันได้.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ภาระจำยอมและการบำรุงรักษา: การกระทำเพื่อรักษาภาระจำยอมไม่ใช่ภาระเพิ่มขึ้น
โจทก์จำเลยยอมรับกันว่าถนนพิพาทเป็นของโจทก์แต่ตกเป็นภารจำยอมสำหรับที่ดินและบ้านของจำเลยและมารดาจำเลยจำเลยทำทางระบายน้ำในถนนพิพาทเพื่อมิให้น้ำท่วมถนนและไม่ให้น้ำบนถนนไหลเข้าบ้านจำเลยคงต่อสู้กันเพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยมีสิทธิทำท่อระบายน้ำบนถนนพิพาทหรือไม่เช่นนี้คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมหรือไม่เท่านั้นส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์หรือไม่นั้นเป็นการนอกเหนือไปจากที่คู่ความตกลงต่อสู้กันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: สิทธิการบำรุงรักษาทางภารจำยอม และขอบเขตการกระทำที่ไม่เกินภาระ
โจทก์จำเลยยอมรับกันว่าถนนพิพาทเป็นของโจทก์แต่ตกเป็นภารจำยอมสำหรับที่ดินและบ้านของจำเลยและมารดาจำเลยจำเลยทำทางระบายน้ำในถนนพิพาทเพื่อมิให้น้ำท่วมถนนและไม่ให้น้ำบนถนนไหลเข้าบ้านจำเลยคงต่อสู้กันเพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยมีสิทธิทำท่อระบายน้ำบนถนนพิพาทหรือไม่เช่นนี้คงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อรักษาและใช้ภารจำยอมหรือไม่เท่านั้นส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์หรือไม่นั้นเป็นการนอกเหนือไปจากที่คู่ความตกลงต่อสู้กันไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเข้าบ้านผู้เสียหายถือเป็นการเล็งเห็นผลถึงชีวิต จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่จำเลยยิงปืนเข้าไปชั้นบนของบ้านผู้เสียหายซึ่งจำเลยย่อมรู้หรือน่าจะรู้อยู่ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายหรือคนในบ้านผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้นั้นเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลแห่งการกระทำผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า