คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวลิต นราลัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 444 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินสมรส: การจำนองที่ดินโดยสามีแต่ผู้เดียวเมื่อไม่มีสัญญาก่อนสมรส
สามีจำนองที่ดินสินสมรสไว้กับธนาคาร ขณะ ป.พ.พ. มาตรา 1468เดิม มีผลใช้บังคับอยู่ และไม่มีสัญญาก่อนสมรสกำหนดให้ภริยาเป็นผู้จัดการสินบริคณห์หรือให้จัดการร่วมกัน สามีจึงเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียว ดังนั้น การที่สามีนำที่ดินสินสมรสไปจำนองกับธนาคารจึงมีผลสมบูรณ์ผูกพันที่ดินที่จำนอง ภริยาไม่มีสิทธิขอกันส่วน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการสินสมรส: อำนาจสามีจำนองสินสมรสก่อนสัญญาก่อนสมรส และสิทธิการกันส่วน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมก่อนแก้ไขให้อำนาจสามีเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียวเว้นแต่ในสัญญาก่อนสมรสจะได้กำหนดไว้ เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การที่จำเลยจำนองที่ดินสินสมรสกับโจทก์ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมมีผลใช้บังคับอยู่จึงมีผลผูกพันที่ดินที่จำนองทั้งหมด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน และกรณีนี้เป็นเรื่องการจัดการสินบริคณห์ มิใช่เรื่องการชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าเป็นหนี้ร่วมที่จะต้องใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินสมรส: การจำนองที่ดินโดยสามีแต่ผู้เดียวตามกฎหมายเดิม และสิทธิในการขอกันส่วนของภริยา
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมก่อนแก้ไขให้อำนาจสามีเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียวเว้นแต่ในสัญญาก่อนสมรสจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การที่จำเลยจำนองที่ดินสินสมรสกับโจทก์ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมมีผลใช้บังคับอยู่จึงมีผลผูกพันที่ดินที่จำนองทั้งหมด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน และกรณีนี้เป็นเรื่องการจัดการสินบริคณห์ มิใช่เรื่องการชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าเป็นหนี้ร่วมที่จะต้องใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้าไม่คล้ายกัน แม้มีองค์ประกอบบางส่วนที่เหมือนกัน ศาลยืนตามคำวินิจฉัยเดิม
ในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า LIGHTMAN ของโจทก์และเครื่องหมายการค้าคำว่า LAWMAN ของจำเลยไม่มีลักษณะคล้ายกันจนถึงกับทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด ดังนั้นโจทก์จึงจะยกขึ้นกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่า เครื่องหมายการค้าดังกล่าวเหมือนหรือคล้ายกันหาได้ไม่ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะใช้คำว่า LAWMAN เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยสำหรับสินค้าที่ยื่นคำขอใช้ได้ตามกฎหมาย
เครื่องหมายการค้าของจำเลยนอกจากจะมีอักษรโรมันคำว่า LAWMAN ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่จำเลยมีสิทธิใช้ได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมีอักษรโรมันว่า ANGEL ขนาดโตเท่ากับคำว่า LAWMAN และมีรูปประดิษฐ์ดอกไม้กับหมวกอยู่ระหว่างอักษรโรมันสองคำดังกล่าวทั้งหมดอยู่ภายในวงกลม ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีอักษรโรมันว่า LIGHTMAN กับคนสวมหมวก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจนบุคคลธรรมดาที่ไม่สามารถอ่านอักษรโรมันได้ก็สามารถเห็นความแตกต่างกันได้ เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความคล้ายคลึงจนทำให้สาธารณชนสับสน จำเป็นต้องพิจารณาภาพรวมและองค์ประกอบทั้งหมด
ในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า LIGHTMAN ของโจทก์และเครื่องหมายการค้าคำว่า LAWMAN ของจำเลยไม่มีลักษณะคล้ายกันจนถึงกับทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด ดังนั้นโจทก์จึงจะยกขึ้นกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเหมือนหรือคล้ายกันหาได้ไม่ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะใช้คำว่า LAWMAN เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยสำหรับสินค้าที่ยื่นคำขอใช้ได้ตามกฎหมาย เครื่องหมายการค้าของจำเลยนอกจากจะมีอักษรโรมันคำว่าLAWMAN ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่จำเลยมีสิทธิใช้ได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมีอักษรโรมันว่า ANGEL ขนาดโต เท่ากับคำว่าLAWMAN และมีรูปประดิษฐ์ดอกไม้กับหมวกอยู่ระหว่างอักษรโรมันสองคำดังกล่าวทั้งหมดอยู่ภายในวงกลม ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีอักษรโรมันว่า LIGHTMAN กับคนสวมหมวก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าแตก ต่างกันอย่างชัดเจน บุคคลธรรมดาที่ไม่สามารถอ่านอักษรโรมันได้ก็สามารถเห็นความแตก ต่างกันได้เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3084/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีชิงทรัพย์ที่ไม่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิดได้ และการฟ้องที่ไม่ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมลักทรัพย์และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษในข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 392 มาด้วยเมื่อการกระทำตามมาตรา 392 มิใช่การกระทำอันรวมอยู่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 392 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2919/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ซื้อขายหุ้นโดยไม่ได้รับใบหุ้น การซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายพิเศษ และดอกเบี้ยเกินอัตรา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด เป็นการกำหนดไว้อย่างกว้าง ๆ ประเด็นที่กำหนดไว้จะมีความหมายอย่างไร ต้องเป็นไปตามคำฟ้องและคำให้การโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ซื้อแทนจำเลยพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า โจทก์ยังมิได้จัดให้จำเลยได้รับใบหุ้น ไม่ทราบว่าโจทก์จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยจริงหรือไม่หรือหากซื้อหุ้นให้จำเลยได้ การซื้อขายหุ้นซึ่งมิได้ออกใบหุ้นที่ระบุชื่อผู้ถือเป็นโมฆะจำเลยไม่ต้องรับผิดค่าหุ้นคดีจึงไม่มีประเด็นว่า โจทก์นำหุ้นของจำเลยไปขายกับรับเงินปันผลไว้แทนจำเลยหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อซื้อมาแล้วถ้าราคาหุ้นสูงขึ้นก็จะสั่งขายทันที โดยหุ้นที่ซื้อมาจะให้โจทก์เก็บรักษาไว้เพื่อความสะดวกในการสั่งขาย ดังนี้ หุ้นที่โจทก์ซื้อตามคำสั่งของจำเลยเป็นหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติเพื่อกิจการนี้โดยเฉพาะ และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของจำเลยเป็นการเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคาหุ้นมากกว่าประสงค์ให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อผู้ซื้อ การซื้อขายหุ้นจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2919/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์: การซื้อขายโดยไม่ส่งมอบใบหุ้นและการคิดดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด เป็นการกำหนดไว้อย่างกว้าง ๆ ประเด็นที่กำหนดไว้จะมีความหมายอย่างไร ต้องเป็นไปตามคำฟ้องและคำให้การโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ซื้อแทนจำเลยพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า โจทก์ยังมิได้จัดให้จำเลยได้รับใบหุ้น ไม่ทราบว่าโจทก์จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยจริงหรือไม่หรือหากซื้อหุ้นให้จำเลยได้ การซื้อขายหุ้นซึ่งมิได้ออกใบหุ้นที่ระบุชื่อผู้ถือเป็นโมฆะจำเลยไม่ต้องรับผิดค่าหุ้นคดีจึงไม่มีประเด็นว่า โจทก์นำหุ้นของจำเลยไปขายกับรับเงินปันผลไว้แทนจำเลยหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อซื้อมาแล้วถ้าราคาหุ้นสูงขึ้นก็จะสั่งขายทันที โดยหุ้นที่ซื้อมาจะให้โจทก์เก็บรักษาไว้เพื่อความสะดวกในการสั่งขาย ดังนี้ หุ้นที่โจทก์ซื้อตามคำสั่งของจำเลยเป็นหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติเพื่อกิจการนี้โดยเฉพาะ และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของจำเลยเป็นการเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคาหุ้นมากกว่าประสงค์ให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อผู้ซื้อ การซื้อขายหุ้นจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2917/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน คดีไม่ขาดอายุความเมื่อความจริงเพิ่งปรากฏ
จำเลย ป. และ จ. ไปพูดกับโจทก์ร่วมให้หาคนงานไปทำงานต่างประเทศ โดยจำเลยพูดอวดอ้างว่า ป. เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดบี.อาร์.บิซเน็ส จำเลยและ จ. เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ มีการแจ้งประเภทงานและเงินเดือน กับสวัสดิการที่จะได้รับ ตลอดจนกำหนดวันเดินทางซึ่งเป็นเท็จ ทั้งจำเลยกับพวกยังเป็นผู้พาคนงานไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลอีกด้วย โจทก์ร่วมหลงเชื่อตามที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้าง ได้จัดหาคนงานและเก็บเงินส่งให้ ป. ดังนี้การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงและบุคคลที่สาม เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341
การที่โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้คนงานแทนไปก่อน ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2526 เพราะกลัวจะถูกคนงานดำเนินคดี ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมรู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยกับพวกในวันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม 2526 จึงทราบเรื่องแน่ชัดว่าจำเลยกับพวกไม่ได้ดำเนินกิจการส่งคนงานไปทำงานต่างประเทศและหลบหนี จึงได้ไปร้องทุกข์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2526 ยังไม่เกินสามเดือน คดีไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2917/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นให้เสียทรัพย์ คดีไม่ขาดอายุความเมื่อโจทก์ยังไม่รู้ถึงการกระทำผิด
จำเลย ป. และ จ. ไปพูดกับโจทก์ร่วมให้หาคนงานไปทำงานต่างประเทศ โดยจำเลยพูดอวด อ้างว่า ป. เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดบี.อาร์.บิซเน็ส จำเลยและ จ. เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ มีการแจ้งประเภทงานและเงินเดือน กับสวัสดิการที่จะได้รับ ตลอดจนกำหนดวันเดิน ทางซึ่งเป็นเท็จ ทั้งจำเลยกับพวกยังเป็นผู้พาคนงานไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลอีกด้วย โจทก์ร่วมหลงเชื่อตามที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้าง ได้จัดหาคนงานและเก็บเงินส่งให้ ป.ดังนี้การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงและบุคคลที่สาม เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341 การที่โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้คนงานแทนไปก่อน ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2526 เพราะกลัวจะถูกคนงานดำเนินคดี ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมรู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยกับพวกในวันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม 2526 จึงทราบเรื่องแน่ชัดว่าจำเลยกับพวกไม่ได้ดำเนินกิจการส่งคนงานไปทำงานต่างประเทศและหลบหนี จึงได้ไปร้องทุกข์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2526 ยังไม่เกินสามเดือน คดีไม่ขาดอายุความ.
of 45