คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวลิต นราลัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 444 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำเลยในคดีฆ่าผู้อื่นและฆ่าเจ้าพนักงาน แม้จำเลยจะรับสารภาพ แต่พยานหลักฐานโจทก์ก็เพียงพอต่อการลงโทษ
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ก. ถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป บ. พยานโจทก์ เบิกความว่า พลตำรวจ ช. กับ บ. และ ป. ได้วิ่งติดตามจำเลยไปเพื่อจะจับจำเลย บ. ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางที่จำเลยวิ่งไปประมาณ 4-5 นัด กระสุนปืนถูกพลตำรวจ ช. ทำให้ถึงแก่ความตายข้อเท็จจริงดังกล่าวฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงพลตำรวจ ช. แม้จำเลยจะไม่ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็พอฟังลงโทษจำเลยได้คำรับสารภาพของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และไม่มีเหตุบรรเทาโทษอย่างอื่น กรณีไม่สมควรลดโทษให้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณะต้องปฏิบัติตามกม.หวงห้าม หากไม่ปฏิบัติตามสิทธิเดิมของผู้ครอบครองยังคงอยู่
คำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่า" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(1)ตรงกับคำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 การดำเนินการจัดหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำเป็นที่สาธารณะประจำตำบล และหมู่บ้านตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยถึงคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวกล่าวคือต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินฯ ซึ่งมีผลบังคับอยู่ในขณะนั้นแม้จะได้มีการขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ก็ไม่มีผลให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านไปได้ โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางราชการได้ออกใบเหยียบย่ำให้ เมื่อประกาศใช้ ป.ที่ดินโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้แล้ว ทั้งยังครอบครองตลอดมา ที่พิพาทจึงเป็นสิทธิของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดิน: การครอบครองก่อนกฎหมาย และการปฏิบัติตามขั้นตอนการหวงห้ามที่ดินสาธารณะ
คำว่า 'ที่ดินรกร้างว่างเปล่า' ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) ตรงกับคำว่า 'ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน' ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 การดำเนินการจัดหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำเป็นที่สาธารณะประจำตำบลและหมู่บ้านตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยถึงคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว กล่าวคือต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งมีผลบังคับอยู่ในขณะนั้นแม้จะได้มีการขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ก็ไม่มีผลให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านไปได้ โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางราชการได้ออกใบเหยียบย่ำให้ เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้แล้ว ทั้งยังครอบครองตลอดมา ที่พิพาทจึงเป็นสิทธิของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์สำคัญในการพิจารณาโทษฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 ปี โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายลอบยิงบิดาของแต่ละฝ่าย แต่ก็เป็นเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการหรือหาโอกาสฆ่าผู้ตาย มาก่อน กรณีอาจเป็นได้ว่าในเวลาเกิดเหตุจำเลยพบผู้ตายแล้วเกิดความเคียดแค้นขึ้นในขณะนั้นจึงได้ยิงผู้ตายยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การพิจารณาจากพฤติการณ์และแรงจูงใจ
จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 ปี โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายลอบยิงบิดาของแต่ละฝ่าย แต่ก็เป็นเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการหรือหาโอกาสฆ่าผู้ตาย มาก่อน กรณีอาจเป็นได้ว่าในเวลาเกิดเหตุจำเลยพบผู้ตายแล้วเกิดความเคียดแค้นขึ้นในขณะนั้นจึงได้ยิงผู้ตายยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม - การยกประเด็นนอกฟ้อง & การโต้เถียงดุลพินิจศาลชั้นต้น
ฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่ามีการปลดหนี้ให้แก่จำเลยเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกฟ้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์เพิ่งจะยกขึ้นในชั้นฎีกา ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 ประกอบกับมาตรา 225 แม้ฎีกาข้อนี้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่าไม่สมควรรับวินิจฉัยให้ ฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกคำเบิกความของพยานจำเลยปากมาวินิจฉัย เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมายนั้นเป็นฎีกาโต้เถียง ดุลพินิจ ในการวินิจฉัยชั่ง น้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาเช่าที่ดินจากการปรับสภาพพื้นที่โดยการลงลูกรัง ทำให้ที่ดินเสียหาย โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้
ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอม ซึ่งตามสัญญามีเงื่อนไขว่า โจทก์ยอมให้จำเลยใช้ที่ดินของโจทก์ปลูกกล้วยไม้และพืชล้มลุกอายุไม่เกิน 6 ปีมีกำหนด 6 ปี แต่ต้องไม่ทำให้สภาพเนื้อที่ดินของโจทก์ได้รับอันตราย ครบกำหนดแล้วจำเลยจะขนย้ายสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ออกไปถ้าจำเลยผิดสัญญาก็ให้บังคับคดีได้ทันทีนั้น. การที่จำเลยนำลูกรังไปลงทำเป็นถนนในที่พิพาทมีความกว้างประมาณ 3.50เมตร ยาวประมาณ 120 เมตร และเกลื่อนร่องสวนของโจทก์ลงกว้างประมาณ 80 เมตร ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าทำให้สภาพเนื้อที่ดินของโจทก์ได้รับอันตรายคือเปลี่ยนสภาพไปจากที่ดินเดิมจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาทหลังการรับมรดกและการจำนอง: คำพิพากษาตามยอมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
แม้ผู้ร้องจะรับโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้วก็ตาม คำพิพากษาตามยอมก็ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อปรากฏว่าโจทก์รับจำนองที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยสุจริต ในขณะที่จำเลยที่ 2 มีชื่อเป็นเจ้าของทางทะเบียน จำนองก็ติดที่ดินพิพาทไปด้วย ผู้ร้องหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดเพื่อบังคับชำระหนี้จำนองของโจทก์ไม่.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องให้นับโทษต่อและการหักวันต้องขัง โดยไม่ต้องระบุรายละเอียดความผิดในฟ้อง และกรณีจำเลยพ้นโทษแล้ว
คำฟ้องส่วนที่ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นแม้ไม่บรรยายว่าโทษที่ขอให้นับต่อเกี่ยวกับความผิดอะไร ศาลกำหนดโทษอย่างไรก็เป็นฟ้องที่ชอบ
จำเลยฎีกาขอให้หักวันต้องขังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาออกให้จำเลยนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษไปก่อนแล้ว คดีก็ไม่มีประโยชน์อันควรแก่การวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งในคดีรับของโจร ศาลจำกัดเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา ผู้เสียหายขอบังคับคดีเกินกว่านั้นไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว ย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดอีกได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2530)
of 45