คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวลิต นราลัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 444 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมขายฝากไม่โมฆะ แม้ผู้รับซื้อฝากมอบอำนาจต่อบุคคลอื่น หากผู้ขายไม่ได้เจาะจงตัวบุคคลเป็นสาระสำคัญ
การแสดงเจตนาถ้าสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมย่อมเป็นโมฆะ และตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรมก็อาจเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมได้ถ้าการทำนิติกรรมนั้นถือเอาตัวบุคคลเป็นสาระสำคัญ แต่ในบางกรณีตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเนื่องจากจุดประสงค์เพราะต้องการเพียงเงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เดือดร้อนเรื่องเงินและรู้จักกับนาง อ.มารดาจำเลยซึ่งมีอาชีพรับซื้อฝากที่ดินเป็นธุรกิจ โจทก์ตกลงขายฝากที่ดินไว้แก่นาง อ.เพราะไม่รู้จักจำเลยมาก่อน แต่นาง อ.กับจำเลยได้สมคบกันฉ้อฉลทำหนังสือมอบอำนาจมารับซื้อฝากใส่ชื่อจำเลยไว้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการไถ่คืนในภายหลังเพราะจำเลยไม่ได้อยู่ในประเทศไทย นิติกรรมการขายฝากจึงตกเป็นโมฆะ นั้น คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างให้เห็นเลยว่าเหตุใดจึงเจาะจงที่จะขายฝากไว้แก่นาง อ.อันพอจะทำให้เห็นได้ว่าโจทก์มีเจตนาที่จะถือเอาตัวบุคคลที่จะรับซื้อฝากเป็นสาระสำคัญ คงเห็นได้แต่เพียงว่าโจทก์ต้องการเงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น การที่นาง อ.หรือจำเลยจะเป็นผู้รับซื้อฝากก็ไม่มีผลต่างกัน เพราะโจทก์ได้รับค่าขายฝากไปครบถ้วนแล้ว เหตุตามคำฟ้องดังกล่าวจึงไม่ทำให้นิติกรรมขายฝากเป็นโมฆะ คดีพอวินิจฉัยได้หาจำต้องฟังพยานโจทก์จำเลยอีกต่อไปไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้โอนเช็คหลังสลักหลังไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีเช็คพิพาท ผู้รับโอนเช็คเป็นผู้เสียหาย
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ร่วมสลักหลังมอบให้น. นำไปเข้าบัญชีของน. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินต้องถือว่าน. เป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายฉะนั้นการที่โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้น.ไปร้องทุกข์แทนการร้องทุกข์ย่อมไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้โอนสลักหลังเช็คไม่เป็นผู้เสียหาย การฟ้องคดีอาญาเช็คต้องเป็นของผู้ทรงเช็คที่แท้จริง
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ร่วมสลักหลังมอบให้น.นำไปเข้าบัญชีของน.เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินต้องถือว่าน.เป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายฉะนั้นการที่โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้น.ไปร้องทุกข์แทนการร้องทุกข์ย่อมไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนแร่เกินปริมาณและเจตนาครอบครองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
บริษัทพ.นายจ้างให้จำเลยนำรถยนต์และอุปกรณ์ไปขนแร่ตามใบอนุญาตขนแร่จำนวน5,090กิโลกรัมแต่ในระหว่างทางซึ่งเป็นคนละท้องที่กับที่บริษัทพ.ให้จำเลยไปขนแร่จำเลยได้รับขนแร่ของย.อีก944.8กิโลกรัมอันเป็นส่วนเกินจากใบอนุญาตขนแร่ของบริษัทพ.และเป็นแร่ที่ไม่มีใบอนุญาตให้ขนซึ่งเป็นการกระทำโดยพลการของจำเลยเองและกระทำนอกเหนือจากคำสั่งของบริษัทพ.ผู้เป็นนายจ้างดังนี้ถือไม่ได้ว่าบริษัทพ.รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดครั้งนี้ด้วยทั้งจะนำพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510มาตรา110มาปรับเข้ากับกรณีนี้ไม่ได้แร่ของกลางนอกจากแร่จำนวน944.8กิโลกรัมของย.ซึ่งเป็นคนละส่วนกันจึงไม่ใช่ของกลางอันจะพึงริบตามกฎหมาย พระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510มาตรา110บัญญัติห้ามเฉพาะผู้รับใบอนุญาตขนแร่ขนแร่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตเท่านั้นซึ่งหมายถึงว่าแร่ส่วนที่เกินจำนวนต้องเป็นแร่ของผู้ได้รับใบอนุญาตหรือเป็นของผู้อื่นที่ผู้รับใบอนุญาตรู้เห็นเป็นใจให้ขนเมื่อคดีฟังได้ว่าบริษัทพ.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขนแร่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างรับขนแร่จำนวน944.8กิโลกรัมของผู้อื่นจึงจะนำแร่นอกจากจำนวน944.8กิโลกรัมซึ่งได้รับอนุญาตให้ขนโดยชอบมารวมคำนวณค่าปรับด้วยหาได้ไม่. การที่จำเลยรับขนแร่ไปทั้งที่รู้ว่าไม่มีใบอนุญาตขนแร่จำเลยย่อมมีความผิดทั้งมีแร่และขนแร่โดยไม่รับอนุญาตอันเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนแร่เกินใบอนุญาตและความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
บริษัท พ. นายจ้างให้จำเลยนำรถยนต์และอุปกรณ์ไปขนแร่ตามใบอนุญาตขนแร่จำนวน 5,090 กิโลกรัม แต่ในระหว่างทางซึ่งเป็นคนละท้องที่กับที่บริษัท พ.ให้จำเลยไปขนแร่ จำเลยได้รับขนแร่ของ ย. อีก 944.8 กิโลกรัม อันเป็นส่วนเกินจากใบอนุญาตขนแร่ของบริษัท พ. และเป็นแร่ที่ไม่มีใบอนุญาตให้ขน ซึ่งเป็นการกระทำโดยพลการของจำเลยเอง และกระทำนอกเหนือจากคำสั่งของบริษัท พ. ผู้เป็นนายจ้างดังนี้ ถือไม่ได้ว่าบริษัท พ. รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดครั้งนี้ด้วย ทั้งจะนำพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 110 มาปรับเข้ากับกรณีนี้ไม่ได้ แร่ของกลางนอกจากแร่จำนวน 944.8 กิโลกรัมของ ย. ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน จึงไม่ใช่ของกลางอันจะพึงริบตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 110 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้รับใบอนุญาตขนแร่ ขนแร่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งหมายถึงว่าแร่ส่วนที่เกินจำนวนต้องเป็นแร่ของผู้ได้รับใบอนุญาตหรือเป็นของผู้อื่นที่ผู้รับใบอนุญาตรู้เห็นเป็นใจให้ขน เมื่อคดีฟังได้ว่าบริษัท พ. ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขนแร่ มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างรับขนแร่จำนวน 944.8 กิโลกรัม ของผู้อื่น จึงจะนำแร่นอกจากจำนวน 944.8 กิโลกรัม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขนโดยชอบมารวมคำนวณค่าปรับด้วยหาได้ไม่
การที่จำเลยรับขนแร่ไป ทั้งที่รู้ว่าไม่มีใบอนุญาตขนแร่ จำเลยย่อมมีความผิดทั้งมีแร่และขนแร่โดยไม่รับอนุญาต อันเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชิงทรัพย์ต้องมีเจตนาทุจริต หากเชื่อว่ามีสิทธิเรียกเงินคืนจากผู้โกง ย่อมไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
การที่จำเลยเสียพนันและจับได้ว่าผู้เสียหายโกงจึงบังคับเรียกเอาเงินคืนจากผู้เสียหายโดยจำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิอันจะพึงมีพึงได้นั้นการกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตจึงไม่เป็นชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ถูกริบจากการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ สิทธิในการขอคืนของเจ้าของเดิม
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางที่ถูกริบในขณะที่จำเลยใช้ทรัพย์ในการกระทำผิดหลังจากที่ศาลริบทรัพย์ของกลางกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางได้ตกเป็นของบุคคลอื่นแล้วผู้ร้องจึงมาร้องขอทรัพย์คืนผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริงที่จะขอทรัพย์คืนได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ถูกริบ: เจ้าของที่แท้จริง ณ เวลาศาลสั่งริบเท่านั้นที่มีสิทธิขอคืน
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางที่ถูกริบในขณะที่จำเลยใช้ทรัพย์ในการกระทำผิดหลังจากที่ศาลริบทรัพย์ของกลางกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางได้ตกเป็นของบุคคลอื่นแล้วผู้ร้องจึงมาร้องขอทรัพย์คืนผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริงที่จะขอทรัพย์คืนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลลดโทษและรอการลงโทษเนื่องจากจำเลยมีประวัติที่ดีและประกอบอาชีพสุจริต
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้มะค่าโมงแปรรูปจำนวน6แผ่นปริมาตร0.67ลูกบาศก์เมตรและไม้ยางแปรรูป192แผ่นปริมาตร7.06ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่1เป็นผู้ประกอบสัมมาชีพมีความประพฤติเรียบร้อยจำเลยที่2รับราชการทหารทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้มีอาชีพค้าไม้และไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษจำเลยทั้งสองเพื่อให้เป็นพลเมืองดีต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: รอการลงโทษด้วยเหตุประกอบสัมมาชีพและรับราชการ
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้มะค่าโมงแปรรูปจำนวน6แผ่นปริมาตร0.67ลูกบาศก์เมตรและไม้ยางแปรรูป192แผ่นปริมาตร7.06ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่1เป็นผู้ประกอบสัมมาชีพมีความประพฤติเรียบร้อยจำเลยที่2รับราชการทหารทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้มีอาชีพค้าไม้และไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษจำเลยทั้งสองเพื่อให้เป็นพลเมืองดีต่อไป.
of 45