พบผลลัพธ์ทั้งหมด 444 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3430/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมน่าเชื่อถือไม่ได้ หลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
พยานโจทก์รับจ้างมาเบิกความ ควรรับฟังอย่างระมัดระวัง การที่พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด เช่นนี้ เป็นเหตุลักษณะคดีแม้ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยบางคน เพราะไม่ยื่นมาภายในกำหนดเวลาศาลฎีกาก็พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยผู้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ผลตรวจเลือดกลุ่มเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิดฐานข่มขืน การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ และคำให้การที่ขัดแย้งกัน
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหายจำเลยและทารก เพื่อตรวจหา กลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมาเมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้อง ตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมี พนักงานสอบสวนเบิกความรับรอง เอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอ ให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็น บทบังคับเด็ดขาด เมื่อ ศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้าม มิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลตรวจเลือดกลุ่มเป็นหลักฐานยืนยันความผิดฐานข่มขืน กระบวนการรับฟังความเห็นผู้ชำนาญการ
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหาย จำเลยและทารก เพื่อตรวจหากลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมา เมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์แล้ว มีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองเอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วน วรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็นบทบังคับเด็ดขาด เมื่อศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี. ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่ม เอ. ดังนี้ ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี. ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่ม เอ. ดังนี้ ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิผู้เช่าซื้อ แม้ผู้ให้เช่าซื้อยึดทรัพย์คืน ก็ไม่ระงับผลการละเมิด การยึดทรัพย์เป็นอำนาจศาล
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อในอันที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ที่ตนเช่าซื้อมา ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่มายึดทรัพย์สินนั้นจากตนโดยละเมิดได้ แม้ภายหลังผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์สินคืนไป ก็ไม่ทำให้ผลการละเมิดที่กระทำไว้ก่อนระงับตามไปด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่าจำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และยกฟ้องโจทก์ก็ไม่จำต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้สามีโจทก์ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นอำนาจของศาลและของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมายนำส่งพนักงานสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่าจำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และยกฟ้องโจทก์ก็ไม่จำต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้สามีโจทก์ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นอำนาจของศาลและของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมายนำส่งพนักงานสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการฟ้องละเมิดจากการยึดทรัพย์โดยไม่ชอบ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์คืนไปแล้ว
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อในอันที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ที่ตนเช่าซื้อมาย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่มายึดทรัพย์สินนั้นจากตนโดยละเมิดได้ แม้ภายหลังผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์สินคืนไป ก็ไม่ทำให้ผลการละเมิดที่กระทำไว้ก่อนระงับตามไปด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3322/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเจาะบ่อน้ำบาดาลเลิกกัน ต้องชดใช้ค่าแห่งงาน แม้สัญญาจะระบุคืนเงินทั้งหมด
โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยเจาะบ่อน้ำบาดาล โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้รับจ้าง (จำเลย) ทำการเจาะบ่อไม่ได้ปริมาณน้ำถึง 50 แกลลอน ต่อหนึ่งนาทีสัญญานี้เป็นอันยกเลิก ผู้รับจ้างจะคืนเงิน (ค่าจ้าง) ที่รับมาทั้งหมด จำเลยได้เจาะบ่อน้ำบาดาลตามสัญญาให้โจทก์แล้ว แต่ไม่ได้ปริมาณน้ำตามสัญญา ดังนั้นสัญญาจึงเลิกกันตามเงื่อนไขข้างต้น โจทก์จำเลยกลับคืนไปสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 เมื่อจำเลยทำงานให้ตามที่โจทก์จ้างไปแล้วแต่ได้น้ำไม่ครบปริมาณตามสัญญา โจทก์จึงต้องใช้เงินค่าแห่งงานที่จำเลยได้กระทำไปให้จำเลย แม้ในสัญญาจะระบุว่าจำเลยจะต้องคืนเงินที่รับไปจากโจทก์ทั้งหมด ก็หาได้หมายถึงว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องใช้ค่าแห่งงานให้จำเลยไม่ ซึ่งค่าแห่งงานนี้ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามสมควร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเจาะบ่อน้ำบาดาล ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำและเงินทดรองที่เบิกไปแล้วพร้อมทั้งค่าปรับแก่โจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและฟ้องแย้งเรียกค่าจ้างที่ค้างชำระตามสัญญาดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เจาะบ่อน้ำบาดาลให้โจทก์แล้วแต่ไม่ได้ปริมาณน้ำตามสัญญาทำให้สัญญาเลิกกัน ศาลย่อมจักให้โจทก์ใช้ค่าแห่งงานที่ทำแล้วนั้นแก่จำเลยได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเจาะบ่อน้ำบาดาล ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำและเงินทดรองที่เบิกไปแล้วพร้อมทั้งค่าปรับแก่โจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและฟ้องแย้งเรียกค่าจ้างที่ค้างชำระตามสัญญาดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เจาะบ่อน้ำบาดาลให้โจทก์แล้วแต่ไม่ได้ปริมาณน้ำตามสัญญาทำให้สัญญาเลิกกัน ศาลย่อมจักให้โจทก์ใช้ค่าแห่งงานที่ทำแล้วนั้นแก่จำเลยได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3322/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเจาะบ่อน้ำบาดาลเลิกกัน ต้องใช้ค่าแห่งงาน แม้สัญญาจะระบุคืนเงินทั้งหมด
โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยเจาะบ่อน้ำบาดาล โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้รับจ้าง (จำเลย) ทำการเจาะบ่อไม่ได้ปริมาณน้ำถึง 50 แกลลอน ต่อหนึ่งนาทีสัญญานี้เป็นอันยกเลิกผู้รับจ้างจะคืนเงิน (ค่าจ้าง) ที่รับมาทั้งหมดจำเลยได้เจาะบ่อน้ำบาดาลตามสัญญาให้โจทก์แล้ว แต่ไม่ได้ปริมาณน้ำตามสัญญาดังนั้นสัญญาจึงเลิกกันตามเงื่อนไขข้างต้น โจทก์จำเลยกลับคืนไปสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391เมื่อจำเลยทำงานให้ตามที่โจทก์จ้างไปแล้วแต่ได้น้ำไม่ครบปริมาณตามสัญญา โจทก์จึงต้องใช้เงินค่าแห่งงานที่จำเลยได้กระทำไปให้จำเลย แม้ในสัญญาจะระบุว่าจำเลยจะต้องคืนเงินที่รับไปจากโจทก์ทั้งหมด ก็หาได้หมายถึงว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องใช้ค่าแห่งงานให้จำเลยไม่ ซึ่งค่าแห่งงานนี้ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามสมควร โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเจาะบ่อน้ำบาดาลขอให้บังคับจำเลย คืนเงินมัดจำและเงินทดรองที่เบิกไปแล้วพร้อมทั้งค่าปรับแก่โจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและฟ้องแย้งเรียกค่าจ้างที่ค้างชำระตาม สัญญาดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้เจาะบ่อน้ำบาดาล ให้โจทก์แล้วแต่ไม่ได้ปริมาณน้ำตามสัญญาทำให้สัญญาเลิกกัน ศาลย่อมจักให้โจทก์ใช้ค่าแห่งงานที่ทำแล้วนั้นแก่จำเลยได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3304/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความในคดีแสดงความเป็นบุตร ศาลต้องรอคู่ความยกประเด็น ไม่สามารถวินิจฉัยเองได้
อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556นั้น คู่ความจะต้องยกขึ้นเป็นประเด็น ศาลจึงวินิจฉัยให้ตาม มาตรา 193 ศาลจะยกอายุความขึ้นวินิจฉัยเองโดยไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นเป็นประเด็นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งจ่ายเช็คหลังพ้นตำแหน่ง: ผู้สั่งจ่ายที่หมดอำนาจไม่ผูกพันห้าง
จำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่1แต่ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เมื่อพ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 ไปแล้วมีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อ เป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งจ่ายเช็คหลังพ้นตำแหน่ง: ผู้สั่งจ่ายที่พ้นสถานะไม่ผูกพัน ห้างไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 แต่ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เมื่อพ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 ไปแล้วมีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อ เป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็ค