พบผลลัพธ์ทั้งหมด 444 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3887/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าตามสัญญาเช่าที่จดทะเบียนเมื่อมีการขายทรัพย์สิน ผู้รับโอนต้องรับสิทธิและหน้าที่เดิม
ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดหรือร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 288 หากแต่ขอให้ศาลมีคำสั่งเปิดกุญแจตึกแถวที่ผู้ร้องเช่าไว้ ให้ผู้ร้องได้ใช้สิทธิตามปกติ เพราะมีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้จดทะเบียนสิทธิไว้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองสิทธิของตนได้ตามกฎหมาย สัญญาเช่ามีว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดี หรือผู้ให้เช่า ขายทรัพย์สินก็ดี หรือผู้เช่าผิดสัญญาก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า เมื่อการเช่าตึกแถวพิพาทได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีกำหนดเวลาเช่า 17 ปีเศษ แม้สัญญาเช่าจะมีข้อสัญญาว่าหากผู้ให้เช่าขายทรัพย์ที่เช่าก่อนครบกำหนดสัญญา ผู้เช่าต้องออกจากที่เช่า ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการขัดกับเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญา แม้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นเจ้าของเดิมขายทรัพย์สินที่เช่าไปแล้ว ผู้รับโอนทรัพย์ที่เช่าต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569เมื่อสัญญายังไม่ครบกำหนด ต้องถือว่าสัญญาเช่ายังมีผลบังคับอยู่โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3625/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยที่ 1 โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย โอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่ 1 หากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยตรง เมื่อปรากฏว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3625/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยที่ 1 โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย โอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่ 1 หากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยตรง เมื่อปรากฏว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: คดีอาญาที่ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้ว ห้ามฟ้องคดีเดิมอีก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้วอันเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไปร้องทุกข์ต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกห้องแถวของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันควบคุมตัวโจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไป โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยทั้งสามในการกระทำเดียวกันอีก แม้คำฟ้องทั้งสองคดีจะบรรยายไม่ตรงกันทุกตอน และบทมาตราที่ขอให้ลงโทษแตกต่างกันบางมาตรา ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำอันเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีแรก มิใช่ถือเอาคำบรรยายฟ้องหรือข้อหาที่โจทก์ตั้งเอาแก่จำเลยเป็นเกณฑ์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: แม้คำฟ้องต่างกัน หากมูลเหตุเดิม ศาลสั่งห้ามฟ้องซ้ำตามมาตรา 36
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้วอันเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไปร้องทุกข์ต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกห้องแถวของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันควบคุมตัวโจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไป โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยทั้งสามในการกระทำเดียวกันอีก แม้คำฟ้องทั้งสองคดีจะบรรยายไม่ตรงกันทุกตอน และบทมาตราที่ขอให้ลงโทษแตกต่างกันบางมาตราก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำอันเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีแรก มิใช่ถือเอาคำบรรยายฟ้องหรือข้อหาที่โจทก์ตั้งเอาแก่จำเลยเป็นเกณฑ์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3233/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: ความรับผิดชอบของเสมียนทนาย และผลของการไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์จำเลยไม่มาศาลโดยไม่มีฝ่ายใดร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เนื่องจากได้มอบให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่เสมียนทนายเชื่อตามบัญชีนัดความซึ่งปิดไว้ที่กระดานหน้าศาลที่ระบุว่าศาลนัดพิจารณาตอนบ่าย จึงมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในตอนเช้า หาได้ไม่ เพราะเสมียนทนายโจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลตามที่ได้รับมอบหมาย การที่เสมียนทนายโจทก์ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำจะถือว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดระเบียบหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3233/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: หน้าที่ของทนายความและเสมียนทนายในการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์จำเลยไม่มาศาลโดยไม่มีฝ่ายใดร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เนื่องจากได้มอบให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่เสมียนทนายเชื่อตามบัญชีนัดความซึ่งปิดไว้ที่กระดานหน้าศาลที่ระบุว่าศาลนัดพิจารณาตอนบ่าย จึงมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในตอนเช้า หาได้ไม่ เพราะเสมียนทนายโจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลตามที่ได้รับมอบหมาย การที่เสมียนทนายโจทก์ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำจะถือว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดระเบียบหาได้ไม่