คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ เกิดลาภผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การเริ่มต้นนับอายุความเริ่มเมื่อผู้มีอำนาจของนิติบุคคลทราบเหตุละเมิด
วันที่จะถือว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ คือวันที่ผู้ว่าการโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียวได้รับรายงานเรื่องละเมิด ผู้ว่าการโจทก์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2525 จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการฟ้องละเมิด: จุดเริ่มต้นนับจากวันที่ผู้มีอำนาจของโจทก์ทราบเหตุ
วันที่จะถือว่าโจทก์ทราบถึงการที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ คือวันที่ผู้ว่าการโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียวได้รับรายงานเรื่องละเมิด ผู้ว่าการโจทก์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2525 จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความรับผิดของแต่ละจำเลยต่างกัน
จำเลยที่ 1 ซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายมาก่อนใช้เหล็กตีที่หน้าผู้ตาย และใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายที่ช่องท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ อาจเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ถึงตายได้ และผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 นั้น ได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ จำเลยทั้งสามวิ่งตามผู้ตาย และยืนล้อมผู้ตายในลักษณะคุมเชิงอยู่มีพยานเห็นมือใครผลักผู้ตายด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ผละออกจากผู้ตายจำเลยทั้งสามก็ตามไป แต่ก็ไม่ได้ความชัดว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายอย่างใดอีก ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีอาวุธมาด้วยหรือมีสาเหตุโกรธเคืองร้ายแรงประการใดมาก่อนกับผู้ตายการที่จำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า จึงเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 แต่โดยลำพัง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงแต่ร่วมกับจำเลยที่ 1 เพื่อไปทำร้ายผู้ตายเท่านั้นแต่การร่วมทำร้ายมีผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยค้ำจุน: ความรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อผู้ขับรถที่ได้รับความยินยอมประมาท และอายุความฟ้องร้อง
โจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ดังนั้น จำเลยร่วมจะต้องรับผิดหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยร่วมรับประกันภัยไว้นั้นได้ขับรถยนต์โดยประมาทอันเป็นการกระทำละเมิดหรือไม่ และขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ขณะเกิดเหตุผู้เอาประกันภัยค้ำจุนได้นำรถยนต์ไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่ซ่อมรถยนต์โดยยินยอมให้คนในอู่ขับรถได้เมื่อคนในอู่ขับรถยนต์นั้นโดยประมาท ก็ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าผู้เอาประกันภัยได้ขับรถโดยประมาทเองตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ จำเลยร่วมผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิด และกรณีนี้แม้คำฟ้องจะระบุว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้อง ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยและมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจำต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี แต่ยังไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันละเมิดฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนกรณีผู้ขับรถประมาท และอายุความฟ้องร้องประกันวินาศภัย
โจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ดังนั้น จำเลยร่วมจะต้องรับผิดหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยร่วมรับประกันภัยไว้นั้นได้ขับรถยนต์โดยประมาท อันเป็นการกระทำละเมิดหรือไม่และขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ขณะเกิดเหตุผู้เอาประกันภัยค้ำจุนได้นำรถยนต์ไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่ซ่อมรถยนต์โดยยินยอมให้คนในอู่ขับรถได้ เมื่อคนในอู่ขับรถยนต์นั้นโดยประมาท ก็ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าผู้เอาประกันภัยได้ขับรถโดยประมาทเองตามที่กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ จำเลยร่วมผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องรับผิด และกรณีนี้แม้คำฟ้องจะระบุว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้อง
ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยและมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจำต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี แต่ยังไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันละเมิด ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก และการสนับสนุนความผิด
จำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทาง โดยใช้รถยนต์นั่งซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้างในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 23,126
การที่จำเลยนำรถเข้าร่วมกิจการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40,138 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเป็นตัวการผู้กระทำผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทาง โดยใช้รถยนต์นั่งซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้างในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 23,126 การที่จำเลยนำรถเข้าร่วมกิจการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40,138 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเป็นตัวการผู้กระทำผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1513-1514/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ: สัญชาติไทยยึดตามสัญชาติบิดา ณ เวลาเกิด แม้บิดาถูกถอนสัญชาติภายหลัง
จำเลยเป็นบุตรของมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ปรากฏบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจถูกถอนสัญชาติไทยด้วยกรณีของมารดาได้ ส่วนบิดาของจำเลยและจำเลยเป็นบุคคลสัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักรและจำเลยเกิดในขณะที่บิดาจำเลยมีสัญชาตไทย ดังนี้แม้ต่อมาในภายหลังบิดาจำเลยจะถูกถอนสัญชาติไทย ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 จำเลยก็หาถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวด้วยไม่
ในคดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเกิดเมื่อใด ศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารสั่งซื้อยาและการเป็นผู้เสียหายของบริษัทจากความเสียหายทางการเงิน
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ร่วมตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาลแผนกห้องแพทย์ได้ทำปลอมใบสั่งซื้อยา สั่งยาบางรายการเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นของโจทก์ร่วม การสั่งซื้อยาดังกล่าวเป็นการกระทำในการดำเนินกิจการของโจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมต้องเสียเงินค่ายาไปโดยมิใช่เป็นความประสงค์ของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารสั่งซื้อยาและการเป็นผู้เสียหายของบริษัทที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยมิชอบ
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ร่วมตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาลแผนกห้องแพทย์ได้ทำปลอมใบสั่งซื้อยา สั่งยาบางรายการเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นของโจทก์ร่วม การสั่งซื้อยาดังกล่าวเป็นการกระทำในการดำเนินกิจการของโจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมต้องเสียเงินค่ายาไปโดยมิใช่เป็นความประสงค์ของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย
of 120