พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยหลอกขายข้อสอบที่ตนเองเขียนขึ้น และสวมครุยวิทยฐานะโดยไม่สำเร็จการศึกษา
จำเลยโฆษณาหลอกลวงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อขายข้อสอบที่จำเลยเขียนขึ้นเองเพื่อให้นักศึกษาที่ซื้อข้อสอบจากจำเลยหลงเชื่อว่าเป็นข้อสอบจริงที่จะออกสอบ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงมีความผิดตามมาตรา 341เท่านั้น จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสตร์ยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะสวมครุยวิทยฐานะเพื่อแสดงให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว การที่จำเลยสวมเสื้อครุยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงถ่ายภาพแล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวมาตั้งไว้บนโต๊ะที่จำเลยขายข้อสอบจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514มาตรา 48
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงนักศึกษาขายข้อสอบปลอมและการสวมครุยวิทยฐานะโดยมิชอบ
จำเลยโฆษณาหลอกลวงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อขายข้อสอบที่จำเลยเขียนขึ้นเองเพื่อให้นักศึกษาที่ซื้อข้อสอบจากจำเลยหลงเชื่อว่าเป็นข้อสอบจริงที่จะออกสอบ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงมีความผิดตามมาตรา 341 เท่านั้น
จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสตร์ยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะสวมครุยวิทยฐานะเพื่อแสดงให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว การที่จำเลยสวมเสื้อครุยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงถ่ายภาพแล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวมาตั้งไว้บนโต๊ะที่จำเลยขายข้อสอบ จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 มาตรา 48.
จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสตร์ยังไม่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะสวมครุยวิทยฐานะเพื่อแสดงให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว การที่จำเลยสวมเสื้อครุยปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงถ่ายภาพแล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวมาตั้งไว้บนโต๊ะที่จำเลยขายข้อสอบ จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 มาตรา 48.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของจำเลยต่อการไม่ดำเนินการส่งหมายโดยทนายความ: ทนายความเป็นตัวแทนจำเลย
การที่จำเลยอ้างว่า ทนายจำเลยติดธุระส่วนตัว ไม่ได้จงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ เป็นความผิดส่วนตัวของทนายความ จะเอาความผิดดังกล่าวมาเป็นเหตุว่าจำเลยทิ้งฟ้องไม่ได้นั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมอบความไว้วางใจและตั้งใจให้ผู้ใดเป็นทนายความของตนแล้วทนายความก็เป็นคู่ความในคดี การกระทำการใด ๆ ของทนายความเกี่ยวกับคดีต้องถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยเอง จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของทนายความของตนมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้พ้นความรับผิดได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดชี้สองสถานและวันนัดสืบพยาน: ผลต่อการดำเนินคดี
จำเลยทราบวันนัดชี้สองสถานโดยชอบแล้ว แต่ถึงวันนัดจำเลยไม่มาและศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ด้วยการกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527บัญญัติไว้ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายที่ไม่มาศาลในวันชี้สองสถานทราบแล้วจึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มาในวันนัดสืบพยานที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาจึงเป็นการชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณา: ถือว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานหากทราบวันชี้สองสถานแล้ว แม้ศาลมิได้แจ้งวันนัดสืบพยานโดยตรง
จำเลยทราบวันนัดชี้สองสถานโดยชอบแล้ว แต่ถึงวันนัดจำเลยไม่มาและศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ด้วย การกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 บัญญัติไว้ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายที่ไม่มาศาลในวันชี้สองสถานทราบแล้วจึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มาในวันนัดสืบพยานที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาจึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดสืบพยานเมื่อจำเลยทราบวันชี้สองสถานแล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องแจ้งวันนัดสืบพยานซ้ำ
จำเลยทราบวันนัดชี้สองสถานโดยชอบแล้ว แต่ถึงวันนัดจำเลยไม่มาและศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ด้วยการกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสองแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527บัญญัติไว้ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายที่ไม่มาศาลในวันชี้สองสถานทราบแล้วจึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มาในวันนัดสืบพยาน ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาจึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีคำสั่งขาดนัด: จำเลยต้องได้รับการแจ้งให้ทราบถึงการขาดนัดเสียก่อน จึงจะสามารถขอพิจารณาคดีใหม่ได้
คู่ความที่จะมีคำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ได้นั้นจะต้องปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณาเสียก่อน ถ้าไม่มีคำสั่งของศาลดังกล่าว สิทธิที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ของคู่ความก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าฟ้องบังคับสัญญาเช่าต่อเมื่อผู้ให้เช่าไม่ปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่า
แม้สัญญาเช่าข้อ 7 มีใจความว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าเข้ายึดครอบครองที่เช่าโดยพลัน และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีโดยผู้เช่ายอมให้ถือว่าสัญญาเช่าระงับไป และข้อ 8 มีใจความว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดี หรือผู้เช่าผิดสัญญาข้อใดก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าสัญญาเช่าระงับสิ้นสุดลงก็ตาม เมื่อผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยนำทรัพย์ที่เช่าไปให้เช่าช่วง แต่ผู้ให้เช่ามิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเพราะเหตุดังกล่าว สัญญาเช่าจึงไม่ระงับไปเอง
ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกกล่าวถึงผู้เช่าให้มาทำสัญญาเช่าต่ออีกในอัตราค่าเช่าใหม่ แสดงว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าที่ได้ระบุไว้ในคำมั่นท้ายสัญญาเช่าเมื่อครบอายุสัญญาเช่า ผู้เช่าจึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับผู้ให้เช่าปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่าก่อนครบกำหนดในสัญญาเช่าได้.
ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกกล่าวถึงผู้เช่าให้มาทำสัญญาเช่าต่ออีกในอัตราค่าเช่าใหม่ แสดงว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าที่ได้ระบุไว้ในคำมั่นท้ายสัญญาเช่าเมื่อครบอายุสัญญาเช่า ผู้เช่าจึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับผู้ให้เช่าปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่าก่อนครบกำหนดในสัญญาเช่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า, คำมั่นสัญญา, การบอกเลิกสัญญา, สิทธิในการฟ้องบังคับสัญญา, การเช่าช่วง
แม้สัญญาเช่าข้อ 7 มีใจความว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าเข้ายึดครอบครองที่เช่าโดยพลัน และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีโดยผู้เช่ายอมให้ถือว่าสัญญาเช่าระงับไป และข้อ 8 มีใจความว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดี หรือผู้เช่าผิดสัญญาข้อใดก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าสัญญาเช่าระงับสิ้นสุดลงก็ตาม เมื่อผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยนำทรัพย์ที่เช่าไปให้เช่าช่วง แต่ผู้ให้เช่ามิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเพราะเหตุดังกล่าว สัญญาเช่าจึงไม่ระงับไปเอง
ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกกล่าวถึงผู้เช่าให้มาทำสัญญาเช่าต่ออีกในอัตราค่าเช่าใหม่ แสดงว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าที่ได้ระบุไว้ในคำมั่นท้ายสัญญาเช่าเมื่อครบอายุสัญญาเช่า ผู้เช่าจึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับผู้ให้เช่าปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่าก่อนครบกำหนดในสัญญาเช่าได้
ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกกล่าวถึงผู้เช่าให้มาทำสัญญาเช่าต่ออีกในอัตราค่าเช่าใหม่ แสดงว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าที่ได้ระบุไว้ในคำมั่นท้ายสัญญาเช่าเมื่อครบอายุสัญญาเช่า ผู้เช่าจึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับผู้ให้เช่าปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่าก่อนครบกำหนดในสัญญาเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุ การบอกเลิกสัญญา และอำนาจฟ้องบังคับสัญญา
แม้สัญญาเช่าข้อ 7 มีใจความว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าเข้ายึดครอบครองที่เช่าโดยพลัน และมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีโดยผู้เช่ายอมให้ถือว่า สัญญาเช่าระงับไป และข้อ 8 มีใจความว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดีหรือผู้เช่าผิดสัญญาข้อใดก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าสัญญาเช่าระงับสิ้นสุดลงก็ตาม เมื่อผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยนำทรัพย์ที่เช่าไปให้เช่าช่วง แต่ผู้ให้เช่ามิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเพราะเหตุดังกล่าวสัญญาเช่าจึงไม่ระงับไปเอง ผู้ให้เช่ามีหนังสือบอกกล่าวถึงผู้เช่าให้มาทำสัญญาเช่าต่ออีกในอัตราค่าเช่าใหม่ แสดงว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าที่ได้ระบุไว้ในคำมั่นท้ายสัญญาเช่าเมื่อครบอายุสัญญาเช่า ผู้เช่าจึงมีอำนาจฟ้อง ขอให้บังคับผู้ให้เช่าปฏิบัติตามคำมั่นจะให้เช่าก่อนครบกำหนดในสัญญาเช่าได้