พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3038/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ยึดเป็นพยานหลักฐาน และการมีไม้หวงห้ามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของไม้สักแปรรูป 166 แผ่น อันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันเกิดเหตุ เจ้าพนักงานได้ยึดไม้สักแปรรูปดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นของกลาง 108 แผ่นนำกลับไปที่หน่วยแล้วตีตรายึดไว้ทุกแผ่น จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจุดไปเผาไม้สักแปรรูป 6 แผ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เหลือจากการยึด ในวันรุ่งขึ้นพนักงานสอบสวนจึงยึดไม้ที่เหลือจากการถูกเผาอีก 52 แผ่น เช่นนี้ ไม้สักแปรรูป 6 แผ่นที่จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันเผายังไม่ใช่เป็นไม้ที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐาน จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการและหน่วยงานต่อความเสียหายจากละเมิด กรณียึดของกลางแล้วดูแลไม่ดีทำให้สูญหาย
จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของโจทก์เป็นของกลางในคดี จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องเก็บรักษารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ในที่ปลอดภัย และต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรมิให้สูญหายหรือเสียหายการที่จำเลยนำรถยนต์ของกลางจอดไว้ริมถนนนอกเขตสถานีตำรวจและไม่จัดให้มีผู้ดูแลรักษา เมื่ออุปกรณ์ของรถยนต์หายไป จึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจจำเลยที่ 1 จึงมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล เมื่อจำเลยที่ 2กระทำการตามหน้าที่และก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของพนักงานสอบสวนและนิติบุคคลจากการละเมิดต่อของกลางที่สูญหาย
จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของโจทก์มาเก็บรักษาไว้เป็นของกลาง ย่อมมีหน้าที่เก็บรักษารถยนต์ดังกล่าวพร้อมอุปกรณ์ไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรมิให้รถยนต์ดังกล่าวและอุปกรณ์ต้องสูญหายหรือเสียหายการที่จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ดังกล่าวไปจอดไว้ริมถนนนอกเขตสถานีตำรวจและไม่จัดให้มีผู้ดูแลรักษา แม้จะมีระเบียบกรมตำรวจระบุให้ผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาของกลาง ก็เป็นระเบียบภายในกรมตำรวจทั้งไม่มีข้อความระบุให้บุคคลดังกล่าวรับผิดชอบในเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น เมื่ออุปกรณ์รถยนต์ดังกล่าวหายไปจึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจ จำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์.
จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจ จำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของพนักงานสอบสวนและนิติบุคคลจากความประมาทเลินเล่อในการเก็บรักษาสินค้ากลาง
จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของโจทก์มาเก็บรักษาไว้เป็นของกลาง ย่อมมีหน้าที่เก็บรักษารถยนต์ดังกล่าวพร้อมอุปกรณ์ไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรมิให้รถยนต์ดังกล่าวและอุปกรณ์ต้องสูญหายหรือเสียหายการที่จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ดังกล่าวไปจอดไว้ริมถนนนอกเขตสถานีตำรวจและไม่จัดให้มีผู้ดูแลรักษา แม้จะมีระเบียบกรมตำรวจระบุให้ผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาของกลาง ก็เป็นระเบียบภายในกรมตำรวจทั้งไม่มีข้อความระบุให้บุคคลดังกล่าวรับผิดชอบในเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวดังนั้น เมื่ออุปกรณ์รถยนต์ดังกล่าวหายไปจึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจ จำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์.
จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจ จำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การใช้เครื่องชั่งผิดอัตราเพื่อฉ้อโกง ถือเป็นเจตนาเดียวกัน
จำเลยมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้า และใช้เครื่องชั่งดังกล่าวในวันเวลาเดียวกัน ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเดียวกันในการใช้เครื่องชั่งผิดอัตรา ถือเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้า และใช้เครื่องชั่งดังกล่าวในวันเวลาเดียวกัน ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และสภาพผู้เสียหาย
ผู้เสียหายเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยตัวเองได้และจำเลยมีโอกาสใช้ขวดเบียร์แตกเป็นปากฉลามเป็นอาวุธเลือกแทงอวัยวะสำคัญที่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ แต่จำเลยกลับแทงไปที่ใบหน้าผู้เสียหายถูกจมูกแหว่งหายไปครึ่งซีก ทั้งจำเลยก็ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองที่จะฆ่าผู้เสียหาย แต่จำเลยกระทำไปเพราะความมึนเมา จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นหาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และผลการกระทำ
ผู้เสียหายเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยตัวเองได้และจำเลยมีโอกาส ใช้ขวดเบียร์แตกเป็นปากฉลามเป็นอาวุธเลือกแทงอวัยวะสำคัญ ที่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ แต่จำเลยกลับแทงไปที่ ใบหน้าผู้เสียหายถูกจมูกแหว่งหายไปครึ่งซีก ทั้งจำเลยก็ไม่มี สาเหตุโกรธเคืองที่จะฆ่าผู้เสียหาย แต่จำเลยกระทำไปเพราะ ความมึนเมา จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น หาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนสั่งซื้อสินค้า: ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบราคาสินค้าที่ตัวแทนสั่งซื้อ
ใบรับบิลและใบส่งของระบุว่าส่งของให้ห้างจำเลยที่ 1 โดยมีป. และ ส. ลงนามเป็นผู้รับบิล และผู้รับสินค้าเป็นส่วนใหญ่เมื่อบุคคลทั้งสองเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ 2 และเป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ป. ยังได้รับมอบหมายจากจำเลยที่2 ให้เป็นผู้สั่งของในนามของห้างจำเลยที่ 1 ด้วย เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ถือได้ว่า ห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการได้เชิด ป. ให้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ 1 เมื่อ ป. สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ราคาให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนสั่งซื้อสินค้า: ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบราคาสินค้าที่ตัวแทนสั่งซื้อ
ใบรับบิลและใบส่งของระบุว่าส่งของให้ห้างจำเลยที่ 1 โดยมี ป. และ ส. ลงนามเป็นผู้รับบิล และผู้รับสินค้าเป็นส่วนใหญ่เมื่อบุคคลทั้งสองเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ 2 และเป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ป. ยังได้รับมอบหมายจากจำเลยที่2 ให้เป็นผู้สั่งของในนามของห้างจำเลยที่ 1 ด้วย เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ถือได้ว่า ห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้เชิด ป. ให้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ 1 เมื่อ ป. สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ราคาให้โจทก์.