คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ เกิดลาภผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดเกี่ยวกับไม้หวงห้าม ปริมาณไม้ และบทบัญญัติที่ใช้ลงโทษ
พระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 73 เป็นบทลงโทษของมาตรา 48 เมื่อจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 48 แล้ว จะลงโทษตามมาตรา 73ไม่ได้มาตรา 73 วรรคสอง ข้อ (1) เป็นบทบัญญัติที่ให้ลงโทษหนักขึ้นสำหรับความผิดที่เกี่ยวกับไม้สัก ไม้ยาง หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. แต่ในกรณีที่เป็นไม้ยางหรือไม้หวงห้ามประเภท ข.ที่ไม่ใช่ไม้สักแล้วจะต้องมีปริมาตรไม้เป็นจำนวนเกินกว่า0.20 ลูกบาศก์เมตร ผู้กระทำจึงจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามบทกฎหมายดังกล่าว คดีนี้จำเลยเพียงมีไม้ยางแปรรูปปริมาตรไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรจำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 73วรรคสอง ข้อ (1) แม้เมื่อรวมกับไม้ตะเคียนหินแปรรูปซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.แล้วจะมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2484/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอม จำเลยทั้งสองมีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายและส่งมอบ
จำเลยที่ 1 ตกลงขายธนบัตรปลอมให้กับผู้ขอซื้อ เมื่อจำเลยที่1 นำธนบัตรปลอมมามอบให้กับผู้ขอซื้อ จำเลยที่ 2 บุตรจำเลยที่1 เป็นผู้ส่งมอบซองจดหมายบรรจุธนบัตรปลอมให้ พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2484/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันมีและนำออกใช้ธนบัตรปลอม โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ส่งมอบ
จำเลยที่ 1 ตกลงขายธนบัตรปลอมให้กับผู้ขอซื้อ เมื่อจำเลยที่ 1 นำธนบัตรปลอมมามอบให้กับผู้ขอซื้อ จำเลยที่ 2 บุตรจำเลยที่ 1 เป็นผู้ส่งมอบซองจดหมายบรรจุธนบัตรปลอมให้ พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาต่อเนื่อง: ศาลพิจารณาจากความเชื่อมโยงของคดีและข้อมูลที่ปรากฏต่อศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อพร้อมกับระบุหมายเลขคดีดำของศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องขังอยู่มาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ขอให้นับโทษต่อจริง โดยที่คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาติดต่อกันไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจแถลงต่อศาลได้ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นมีหมายเลขคดีแดงที่เท่าใด เมื่อความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้โดยที่ไม่แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลก็ให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาต่อเนื่อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและศาลทราบถึงคดีก่อนหน้า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อพร้อมกับระบุหมายเลขคดีดำของศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องขังอยู่มาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ขอให้นับโทษต่อจริง โดยที่คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาติดต่อกันไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจแถลงต่อศาลได้ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นมีหมายเลขคดีแดงที่เท่าใด เมื่อความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้โดยที่ไม่แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลก็ให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนของจำเลยร่วมที่เสียชีวิต: สิทธิในการริบระงับเมื่อสิทธิในการฟ้องอาญาและโทษระงับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมจำเลยกับ อ. ในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน อ. ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียนพร้อมกระสุน 4 นัดและปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกเป็นของกลาง เมื่อ อ. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง อ. ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39และโทษย่อมระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 38จึงไม่อาจริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427-2429/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล กรณีจำเลยไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนด
แบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ของจำเลยมีข้อความว่า 'ฯลฯ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว' เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์นั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งในวันนั้นแล้ว
การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วันตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการละเมิดหน้าที่หรือไม่ กรณีรถราชการถูกชนแล้วไม่ได้ติดตามรถคู่กรณีเพื่อหาตัวผู้รับผิด
จำเลยเป็นข้าราชการกรมโจทก์และใช้รถยนต์ของโจทก์เป็นยานพาหนะเดินทางไปตรวจราชการต่างจังหวัด ระหว่างทางรถยนต์ถูกรถบรรทุกเฉี่ยวชน เกิดเหตุแล้วคนขับรถคันของจำเลยได้จอดรถตรวจตราความเสียหายและเก็บเศษกระจกรถทิ้ง ส่วนรถบรรทุกได้ขับหลบหนีไปด้วยความเร็วสูง และไปไกลจนถึงหากจำเลยจะสั่งให้ขับรถติดตามไปก็ไม่แน่ว่าจะพบรถบรรทุกคันดังกล่าวหรือไม่ ดังนี้แม้คำสั่งของโจทก์จะระบุให้ผู้ใช้รถสอบสวนให้ได้ตัวผู้รับผิดมาชดใช้ค่าเสียหายก็ตามการที่จำเลยไม่ติดตามรถบรรทุกไปในพฤติการณ์เช่นนี้ ก็ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาชดใช้ค่าเสียหายถึงขนาดที่จะถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์.
of 120