พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3720/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ศาลมีอำนาจลงโทษทันทีโดยไม่ต้องออกข้อกำหนด
การรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลเท่านั้นที่ศาลจะต้องออกข้อกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30ส่วนการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลซึ่งเป็นความผิดโดยสภาพมาตรา 30 หาได้บัญญัติให้ศาลจำต้องออกข้อกำหนดแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ทันที
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นพยายามควบคุมการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้คำถามและให้อยู่ในระเบียบ แต่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่าเป็นทนายจบนิติศาสตร์มหาบัณฑิตจะไม่ถามความเฮงซวย โดยพูดซ้ำถึง3ครั้งต่อหน้าศาลคู่ความตำรวจและผู้ที่มาฟังการพิจารณา กิริยาและวาจาที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงออกมาดังกล่าวแล้วมีลักษณะ เป็นการท้าทาย ไม่เคารพยำเกรงศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับการศึกษามาสูงพอสมควรและได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความชั้นหนึ่งเคยว่าความในศาลมามาก ย่อมจะรู้ว่าการแสดงกิริยาและวาจาดังกล่าว มีความหมายและความมุ่งหมายอย่างไรที่พจนานุกรมให้ความหมายของคำว่า 'เฮง'ไว้ว่า'โชคดีหรือเคราะห์ดี'และคำว่า'เฮงซวย'ว่า'เอาแน่นอนอะไรไม่ได้'นั้นไม่อาจกลบเกลื่อนเจตนาอันแท้จริงของผู้ถูกกล่าวหาได้การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นพยายามควบคุมการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้คำถามและให้อยู่ในระเบียบ แต่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่าเป็นทนายจบนิติศาสตร์มหาบัณฑิตจะไม่ถามความเฮงซวย โดยพูดซ้ำถึง3ครั้งต่อหน้าศาลคู่ความตำรวจและผู้ที่มาฟังการพิจารณา กิริยาและวาจาที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงออกมาดังกล่าวแล้วมีลักษณะ เป็นการท้าทาย ไม่เคารพยำเกรงศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับการศึกษามาสูงพอสมควรและได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความชั้นหนึ่งเคยว่าความในศาลมามาก ย่อมจะรู้ว่าการแสดงกิริยาและวาจาดังกล่าว มีความหมายและความมุ่งหมายอย่างไรที่พจนานุกรมให้ความหมายของคำว่า 'เฮง'ไว้ว่า'โชคดีหรือเคราะห์ดี'และคำว่า'เฮงซวย'ว่า'เอาแน่นอนอะไรไม่ได้'นั้นไม่อาจกลบเกลื่อนเจตนาอันแท้จริงของผู้ถูกกล่าวหาได้การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้: การตีความข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยที่ไม่ชัดเจน ศาลใช้ประโยชน์แก่ลูกหนี้
สัญญากู้ระบุเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่า "ยอมให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายอย่างสูง" เป็นข้อความที่มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยชัดแจ้งแน่นอนว่าเป็นอัตราสูงเท่าไร ต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้กู้ ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา7
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสัญญาดอกเบี้ยไม่ชัดเจน ศาลตีความในทางที่เป็นคุณต่อลูกหนี้ อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย
สัญญากู้ระบุเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่า 'ยอมให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายอย่างสูง' เป็นข้อความที่มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยชัดแจ้งแน่นอนว่าเป็น อัตราสูงเท่าไรต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้กู้ ผู้ให้กู้มีสิทธิ เรียกดอกเบี้ยได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา7
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองโรงเรือนรุกล้ำตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 ต้องเป็นเจ้าของโรงเรือนและส่วนรุกล้ำต้องน้อยกว่าส่วนที่สร้างบนที่ดินของตน
บุคคลที่สร้างโรงเรือนรุกล้ำโดยสุจริตที่จะได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 จะต้องเป็นเจ้าของโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นและส่วนที่รุกล้ำนั้นจะต้องเป็นส่วนน้อย ส่วนที่อยู่ในที่ดินที่ตนมีสิทธิสร้างต้องเป็นส่วนใหญ่ มิฉะนั้นจะเรียกว่าสร้างโรงเรือนรุกล้ำไม่ได้ ตามฟ้องอ้างว่าโจทก์ปลูกสร้างโรงเรือนของผู้อื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยที่ 1 และบรรยายฟ้องต่อไปว่าโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำนั้นเนื้อที่ประมาณ 12 ตารางวา ประมาณครึ่งหนึ่งของโรงเรือนแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำ ทั้งส่วนที่รุกล้ำนั้นมิใช่ส่วนน้อยอันจะเรียกว่ารุกล้ำตามมาตรา 1312 ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1312
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664-3665/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดที่ดินผิดพลาด, การซื้อที่ดินโดยสุจริต, และภาระจำยอมในลำกระโดง
ที่ดินมีโฉนดของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีแนวเขตด้านหนึ่งติดต่อกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดและเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิดพลาดกำหนดแนวเขตที่ดินจำเลยที่1 รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2ที่ 3 จะซื้อที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำ กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 1299 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่รุกล้ำเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 ลำกระโดงพิพาทซึ่งเป็นทางน้ำไหลผ่านที่ดินของโจทก์และจำเลยที่ 1 โดยแนวเขตที่ดินของโจทก์และจำเลยที่ 1อยู่ตรงกึ่งกลางลำกระโดง และโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ชักน้ำจากลำกระโดงเข้าไปใช้ในที่ดินของตนมาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้วถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ภาระจำยอมในที่ดินของแต่ละฝ่ายในลำกระโดงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา1382(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2528)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษปรับสำหรับนิติบุคคลในความผิดฐานฟ้องเท็จ: ศาลสามารถลงโทษปรับได้เพียงสถานเดียว
ศาลอาจลงโทษนิติบุคคลในความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ซึ่งมีทั้งโทษจำคุกและปรับ โดยลงโทษปรับแต่เพียงสถานเดียวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษปรับสำหรับนิติบุคคลในความผิดฐานฟ้องเท็จ แม้กฎหมายกำหนดทั้งจำคุกและปรับ
ศาลอาจลงโทษนิติบุคคลในความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ซึ่งมีทั้งโทษจำคุกและปรับโดยลงโทษปรับแต่เพียงสถานเดียวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งบังคับคดี และการเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ราคต่ำกว่าราคาประเมิน
ศาลแพ่งเป็นศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีนี้ในชั้นต้น จึงเป็นศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีและทำคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่เสนอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 คำสั่งของศาลจังหวัดธัญบุรีที่อนุญาตให้ขายที่ดินแก่ผู้ที่ประมูลให้ราคาสูงสุดได้เป็นการสั่งในการบังคับคดีแทนศาลแพ่งเท่านั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อกฎหมายก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นและไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืน ศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวของศาลจังหวัดธัญญบุรี ซึ่งเป็นศาลที่ดำเนินการบังคับคดีแทนศาลแพ่งได้
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งบังคับคดี และการเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ไม่บริบูรณ์
ศาลแพ่งเป็นศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีนี้ในชั้นต้นจึงเป็นศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีและทำคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆอันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่เสนอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 302คำสั่งของศาลจังหวัดธัญบุรีที่อนุญาตให้ขายที่ดินแก่ผู้ที่ประมูลให้ราคาสูงสุดได้เป็นการสั่งในการบังคับคดีแทนศาลแพ่งเท่านั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อกฎหมายก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นและไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืนศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวของศาลจังหวัดธัญญบุรี ซึ่งเป็นศาลที่ดำเนินการบังคับคดีแทนศาลแพ่งได้ ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3168/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเด็กและเยาวชนเมื่อพนักงานสอบสวนนอกเขตอำนาจทำการสอบสวน และการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตฟ้อง
จำเลยมีถิ่นที่อยู่ตามปกติอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่จำเลยกระทำความผิดและถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่เป็นกรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 24 ทวิ วรรคสุดท้าย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้ยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันจับกุมหรือผัดฟ้องตามมาตรา 24 ทวิ วรรค 1, 2 และ 3 ดังนั้น การฟ้องคดีนี้จึงไม่มีกำหนดระยะเวลาตามที่มาตรา 24 ทวิ กำหนดไว้และไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวาพนักงานอัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ