พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2872/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการเก็บหาของป่าหวงห้าม แม้ไม่ได้เก็บเอง แต่รับซื้อและเคลื่อนย้าย ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยรับซื้อถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามแล้วพาถ่านไม้ นั้น ไปเสียให้พ้นพาเคลื่อนที่จากป่าโดยจำเลยรู้อยู่ แล้วว่าถ่านไม้ ดังกล่าวเป็นของป่าหวงห้ามที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดฐาน เก็บหาของป่าหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ มิได้เสียค่าภาคหลวงอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการเก็บหาของป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 29,70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันและผู้จำนองในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี วงเงินจำกัดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีภายในวงเงิน700,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ราย นี้เป็นจำนวนเงิน 700,000บาทตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่าเมื่อลูกหนี้ เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของ ลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนอง อยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้าฯลฯผู้จำนองและ หรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้นเมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สิน ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระฯลฯ เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใดผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงิน ที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนและจำเลยที่ 2 ยังทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวจนกว่าธนาคารจะได้ รับและถึงแม้ ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตามอันทำให้ ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับ ลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญานั้นทันทีตีความตาม สัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 2 รับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเท่านั้น หาใช่ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันและผู้จำนองตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีภายในวงเงิน 700,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ราย นี้เป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท ตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่า เมื่อลูกหนี้ เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของ ลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนอง อยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้า ฯลฯ ผู้จำนองและ หรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้นเมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สิน ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระ ฯลฯ เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใด ผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงิน ที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วน และจำเลยที่ 2 ยังทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวจนกว่าธนาคารจะได้รับและถึงแม้ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามอันทำให้ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญานั้นทันทีตีความตามสัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 2 รับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเท่านั้น หาใช่ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209 ว.พ.พ. ไม่กระทบกระบวนพิจารณาเดิม เช่น การยื่นบัญชีระบุพยาน
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัดคำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่นๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้วเท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่และการใช้บัญชีระบุพยานเดิม เมื่อศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัด คำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่น ๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำขาดอายุ ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์ ผู้จำนำมีสิทธิขายทรัพย์ได้
ผู้เสียหายจำนำทรัพย์สินของตนไว้กับจำเลยโดยกำหนดเวลา ไถ่คืนไว้พ้นกำหนดเวลาไถ่คืนแล้ว ผู้เสียหายไปขอไถ่คืน จำเลยว่าจำนำขาดและนำทรัพย์ไปขายแล้วการกระทำของจำเลย ดังนี้เป็นการขาดเจตนากระทำความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาเฉพาะคู่ความ ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก แม้ศาลสั่งให้ถือคำพิพากษาแทนเจตนา
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ว่า ใบอนุญาตจัดหางานเป็นของ โจทก์ให้จำเลยจัดการคืนใบอนุญาตและใส่ชื่อโจทก์หาก จำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการ แสดงเจตนาของจำเลยนั้นย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนี้ เท่านั้น หามีผลไปบังคับกรมแรงงานซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ โจทก์จึงขอให้ศาลมีหนังสือแจ้งให้กรมแรงงานจัดการ แก้ไขชื่อเจ้าของใบอนุญาตจัดหางานเป็นของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาเฉพาะคู่ความ ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ว่า ใบอนุญาตจัดหางานเป็นของ โจทก์ให้จำเลยจัดการคืนใบอนุญาตและใส่ชื่อโจทก์หาก จำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการ แสดงเจตนาของจำเลยนั้น ย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนี้ เท่านั้นหามีผลไปบังคับกรมแรงงานซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ โจทก์จึงขอให้ศาลมีหนังสือแจ้งให้กรมแรงงานจัดการ แก้ไขชื่อเจ้าของใบอนุญาตจัดหางานเป็นของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: เจ้าของบ้านไม่ต้องรับผิดหากแจ้งให้เรียกเก็บค่าบริการจากผู้เช่าแต่โจทก์ละเลย
จำเลยแจ้งโจทก์ขอให้โจทก์ระงับการใช้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศผ่านเครื่องโทรศัพท์ของจำเลยซึ่งอยู่ในบ้านที่ให้จำเลยร่วมเช่าก่อนที่จำเลยร่วมจะมาเช่าบ้านและใช้เครื่องโทรศัพท์แต่โจทก์ตอบปฏิเสธทั้งๆที่สามารถจะทำได้และเมื่อจำเลยร่วมใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวจำเลยก็มีหนังสือแจ้งโจทก์ให้ไปเก็บค่าบริการ จากจำเลยร่วมและแจ้งด้วยว่าจำเลยไม่รับผิดชอบในหนี้จำนวนนี้โจทก์ได้รับหนังสือแล้วก็ไม่จัดการเรียกเก็บเงินจาก จำเลยร่วมภายในระยะเวลาตามระเบียบที่โจทก์วางไว้จนค่าบริการค้างอยู่เป็นจำนวนมากดังนี้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของ โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่วางไว้ ทั้งๆที่จำเลยพยายามให้ความร่วมมือด้วยดีต่อโจทก์ตลอดมา แล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าบริการดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในหนี้จากการใช้บริการโทรศัพท์ของผู้เช่า โดยเจ้าของบ้านแจ้งแล้วแต่โจทก์ละเลยไม่ดำเนินการเรียกเก็บ
จำเลยแจ้งโจทก์ขอให้โจทก์ระงับการใช้บริการ วิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศผ่านเครื่องโทรศัพท์ของจำเลย ซึ่งอยู่ในบ้านที่ให้จำเลยร่วมเช่าก่อนที่จำเลยร่วมจะมาเช่าบ้านและใช้เครื่องโทรศัพท์แต่โจทก์ตอบปฏิเสธทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำได้และเมื่อจำเลยร่วมใช้เครื่องโทรศัพท์ ดังกล่าวจำเลยก็มีหนังสือแจ้งโจทก์ให้ไปเก็บค่าบริการ จากจำเลยร่วมและแจ้งด้วยว่าจำเลยไม่รับผิดชอบในหนี้จำนวน นี้โจทก์ได้รับหนังสือแล้วก็ไม่จัดการเรียกเก็บเงินจาก จำเลยร่วมภายในระยะเวลาตามระเบียบที่โจทก์วางไว้จนค่าบริการค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนี้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของ โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่วางไว้ ทั้ง ๆ ที่จำเลยพยายามให้ความร่วมมือด้วยดีต่อโจทก์ตลอดมา แล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าบริการดังกล่าว