พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คห้ามเปลี่ยนมือ: การสลักหลังไม่ผูกพันโจทก์ ธนาคารต้องรับผิดเมื่อเรียกเก็บเงินผิดบัญชี
แม้เช็คพิพาทจะมี ส. หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ลงชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราสำคัญของโจทก์แต่หุ้นส่วนอีก คนหนึ่งไม่ได้ลงชื่อด้วยตามข้อบังคับจึงถือไม่ได้ว่า ส. เป็นผู้แทนกระทำการแทนโจทก์การสลักหลังเช็คดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คโดย ชอบด้วยกฎหมายและมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)'ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซี เปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้'หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้ง ๆ ที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดยปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1000
ส. ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ ส. ทราบการกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 1 ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)'ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซี เปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้'หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้ง ๆ ที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดยปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1000
ส. ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ ส. ทราบการกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 1 ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คห้ามเปลี่ยนมือ การสลักหลังที่ไม่ผูกพันโจทก์ และความรับผิดของธนาคาร
แม้เช็คพิพาทจะมีส.หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ลงชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราสำคัญของโจทก์แต่หุ้นส่วนอีกคนหนึ่งไม่ได้ลงชื่อด้วยตามข้อบังคับจึงถือไม่ได้ว่า ส. เป็นผู้แทนกระทำการแทนโจทก์การสลักหลังเช็คดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายและมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)' ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซีเปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้' หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995 การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บ เงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้งๆที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดย ปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1000 ส.ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ส. ทราบ การกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง1ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)' ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซีเปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้' หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995 การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บ เงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้งๆที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดย ปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1000 ส.ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ส. ทราบ การกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง1ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเป็นซ่องโจรจากการร่วมวางแผนหลอกลวงเล่นพนันบนรถโดยสาร แม้ไม่ได้ขึ้นรถก็ถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
จำเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คนจับกลุ่มกันวางแผนเพื่อจะใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญพนันบนรถยนต์โดยสารประจำทางโดยจำเลยที่ 1 จะเป็นคนใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญ แล้วให้จำเลยอื่นเป็นหน้าม้าแทงจำเลยที่ 1 แจกเงินให้จำเลยอื่น ทุกคนเพื่อนำไปแทงใครได้เสียเท่าใดให้จำไว้ เมื่อเลิกเล่นแล้วจะคืนให้หมดจำเลยอื่นขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารประจำทางส่วนจำเลยที่ 5 รออยู่ที่สถานีขนส่ง และจะขับรถมารับจำเลยอื่นระหว่างทางหลังจากเล่นการพนันเสร็จแล้ว เมื่อรถยนต์โดยสารออกจากสถานีขนส่ง จำเลยที่ 1 กับพวกลงมือเล่นการพนันทายเหรียญแล้วชักชวนให้ผู้โดยสารมาแทงอันเป็นการสมคบกันเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ที่โดยสารไปกับรถยนต์โดยสารโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยที่ 5 จะไม่ได้ขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารพร้อมกับจำเลยอื่น แต่ก็รออยู่ที่สถานีขนส่งและจะขับรถตาม มารับจำเลยอื่นเมื่อเลิกเล่นกันแล้วอันเป็นการแสดงถึง การแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ 5 ได้เข้าร่วมปรึกษาวางแผนกับจำเลยอื่นแล้วการกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันหลอกลวงเล่นการพนันบนรถโดยสาร และการแบ่งหน้าที่เข้าข่ายเป็นซ่องโจร
จำเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คนจับกลุ่มกันวางแผนเพื่อจะใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญพนันบนรถยนต์โดยสารประจำทางโดยจำเลย ที่ 1 จะเป็นคนใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญ แล้วให้จำเลย อื่นเป็นหน้าม้าแทงจำเลยที่ 1 แจกเงินให้จำเลยอื่น ทุกคนเพื่อนำไปแทงใครได้เสียเท่าใดให้จำไว้ เมื่อเลิก เล่นแล้วจะคืนให้หมดจำเลยอื่นขึ้นไปบน รถยนต์โดยสารประจำทางส่วนจำเลยที่ 5 รออยู่ที่สถานีขนส่ง และจะขับรถมารับจำเลยอื่นระหว่างทางหลังจากเล่นการพนัน เสร็จแล้ว เมื่อรถยนต์โดยสารออกจากสถานีขนส่ง จำเลยที่ 1 กับพวกลงมือเล่นการพนันทายเหรียญแล้วชักชวนให้ผู้โดยสารมาแทงอันเป็นการสมคบกันเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ ที่โดยสารไปกับรถยนต์โดยสารโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยที่ 5 จะไม่ได้ขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารพร้อมกับจำเลยอื่น แต่ก็รออยู่ที่สถานีขนส่งและจะขับรถตาม มารับจำเลยอื่นเมื่อเลิกเล่นกันแล้วอันเป็นการแสดงถึง การแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ 5 ได้เข้าร่วมปรึกษา วางแผนกับจำเลยอื่นแล้วการกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็น ความผิดฐานเป็นซ่องโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2263/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีจากสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีการแย่งการครอบครอง อายุความ 10 ปีตาม ปพพ. มาตรา 168
การฟ้องคดีของโจทก์โดยอาศัยสิทธิอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 แม้จำเลยจะแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปี แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ครบ 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงหาขาดอายุความไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2217/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสิทธิการเช่า: การปฏิบัติตามสัญญาต้องเสร็จสิ้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย
สัญญาขายสิทธิการเช่า (เซ้ง) ตึกแถวรวมทั้งสิทธิการเช่า โทรศัพท์ ซึ่งผู้ซื้อวางเงินมัดจำไว้บางส่วน ที่เหลือกำหนด ชำระเป็นงวดๆ เมื่อผู้ซื้อชำระเงินงวดแรกผู้ขายต้อง โอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้แก่ผู้ซื้อ และเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบทุกงวดแล้วผู้ขายพร้อมด้วยบริวารจะย้าย ออกไปจาก ตึกแถวที่ขายสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ซื้อทันที สัญญาดังกล่าวนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อและผู้ขายต่างเป็นลูกหนี้และ เจ้าหนี้ ซึ่งกันและกันในการที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาผู้ซื้อ และผู้ขายได้ ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวแล้วบางส่วน คือผู้ขาย ได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถว ให้แก่ผู้ซื้อแล้วและผู้ซื้อ ชำระเงินให้ผู้ขายแล้วบางงวด ยังค้างชำระสองงวดสุดท้ายส่วนผู้ขายยังไม่ได้โอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และยังไม่ได้ออก ไปจากตึกแถวที่ขายสิทธิการเช่าก่อนถึงกำหนดชำระเงิน สองงวดสุดท้าย ผู้ซื้อมีหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ขายโอนโทรศัพท์ให้ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าผู้ขายผิดสัญญา จะระงับการ จ่ายเงิน ผู้ขายได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเพิกเฉยเสีย เช่นนี้ จะถือว่าผู้ขายผิดสัญญา ยังไม่ได้ เพราะเรื่อง ที่ผู้ขายต้องโอนโทรศัพท์ให้ผู้ซื้อเมื่อไรนั้นมิได้กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อผู้ซื้อมีหนี้ต้องชำระค่าซื้อสิทธิการเช่า ให้ผู้ขายให้เสร็จสิ้น ในวันที่กำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายหนี้ที่ผู้ขายต้องโอนโทรศัพท์ให้ผู้ซื้อนั้น ก็ต้องกระทำให้ เสร็จสิ้นในวันดังกล่าวเช่นกัน
ประเด็นที่ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีที่โจทก์ต้องนำสืบ แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวให้จำเลยก่อนวันสืบพยานสามวัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับเอกสารนั้นไว้พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87
ประเด็นที่ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีที่โจทก์ต้องนำสืบ แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวให้จำเลยก่อนวันสืบพยานสามวัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับเอกสารนั้นไว้พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยเหตุฉ้อฉล จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อพิสูจน์
โจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การต่อสู้เป็นประเด็นสำคัญว่า บริษัท ม. ผู้โอนเช็คให้โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน บริษัท ม.จึงได้ให้ ก. ลูกหนี้ผู้นำเช็คพิพาทมาชำระหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แล้วโอนเช็คให้โจทก์ โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากบริษัท ม. โดยคบคิดกันฉ้อฉล โดยโจทก์กับบริษัท ม. ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โจทก์รับสมอ้างนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ดังนี้เป็นการให้การต่อสู้ว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบเพราะการโอนมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล จึงเป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งถึงข้อต่อสู้ของจำเลยรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ดังกล่าวได้ ไม่ชอบที่ศาลจะสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1833/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องขอให้ศาลสั่งรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย แม้ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้
ส.มารดาเด็กหญิงว.ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กหญิงว. ยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กไม่สามารถทำหน้าที่ได้ผู้ร้องซึ่งเป็นยายของเด็กหญิงว. จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าเด็กหญิง ว.เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของช. ผู้วายชนม์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1833/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องขอให้ศาลสั่งให้เด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย กรณีผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ส.มารดาเด็กหญิง ว. ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กหญิง ว. ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กไม่สามารถทำหน้าที่ได้ผู้ร้องซึ่งเป็นยายของเด็กหญิง ว. จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าเด็กหญิง ว. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ช. ผู้วายชนม์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิพากษาความผิดฐานพยายามฆ่าโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่าจำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288,297 คำบรรยายฟ้องดังกล่าวยืนยันเจตนาในการกระทำผิดของจำเลยว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแต่เพียงสถานเดียวส่วนที่บรรยายต่อมาว่าผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสนั้น เป็นแต่เพียงผลที่เกิดจากความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้เสียหายเท่านั้นแม้โจทก์จะอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วยก็เป็นการขอตามผลที่เกิดจากการกระทำผิดของจำเลยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดตามที่โจทก์บรรยายยืนยันมาแล้วเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 78 จำคุก 6 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,78 จำคุก2 ปีเป็นการพิพากษาแก้ทั้งบทและแก้ทั้งโทษ จึงเป็นการแก้ไขมากโจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยใช้มีดปลายแหลม 2 คม เฉพาะตัวมีดยาว 17 เซนติเมตรกว้าง 2 เซนติเมตรแทงผู้เสียหายครั้งแรกถูกที่โคนแขนซ้ายเพราะผู้เสียหายเอี้ยวหลบทันเป็นการแทงในระดับทรวงอกที่มีอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยยังวิ่งไล่ตามและแทงซ้ำอีกที่ด้านหลังถูกบริเวณเอวจนคมมีดทะลุลำไส้ใหญ่แสดงว่าเป็นการแทงโดยแรงผู้เสียหายต้องวิ่งหนีและร้องเรียกให้คนช่วย จำเลยจึงได้หลบหนีไปแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้และจะต้องใช้เวลารักษาประมาณ 60 วันพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า