คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมประสงค์ พานิชอัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ จำเลยต้องมีปริมาณครอบครองตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อใช้ข้อสันนิษฐาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำและกระทำการปลอมปนน้ำมันที่จำหน่าย โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันร่วมกันจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินชนิดพิเศษ ซึ่งมีคุณภาพต่ำกว่าคุณภาพที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและร่วมกันกระทำการปลอมปนน้ำมันดังกล่าวด้วย เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว
โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องถึงน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าคุณภาพที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองมีปริมาณตั้งแต่ 200 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้กระทำการปลอมน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเพื่อจำหน่าย โจทก์จึงจะนำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวหาได้ไม่ และศาลก็รับฟังข้อเท็จจริงนั้นมาปรับบทกฎหมายซึ่งมิได้บรรยายมาในฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลมีผลผูกพัน ไม่จำกัดเฉพาะคำขอเดิม หากไม่ขัดกฎหมาย
สัญญาประนีประนอมยอมความที่กระทำต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอมนั้น มิใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทอย่างคดีธรรมดาที่ต้องพิจารณาสืบพยานกันจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายที่ห้ามมิให้พิพากษาเกินคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องเพียงแต่ต้องตกลงกันในประเด็นแห่งคดีหรือเกี่ยวเนื่องกับประเด็นนั้นๆ หากข้อตกลงนั้นมิได้ฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาไปตามยอมไม่ต้องย้อนไปดูว่าเกินคำขอหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวทำสัญญาให้จำเลยทั้งสามถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินและตึกพิพาทแทน ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามขอให้ยึดที่ดินและตึกพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์การที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโจทก์ได้รับเงินค่าเช่าที่ดินและตึกพิพาทตลอดชีวิตของโจทก์แทนเงินจากการขายทอดตลาดโดยโจทก์ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการตกลงกันในขอบเขตแห่งประเด็นในคดีหรือเกี่ยวเนื่องกับประเด็นในคดีแล้วคำพิพากษาตามยอมก็ไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเพราะเป็นการที่โจทก์ได้จำหน่ายที่ดินและตึกพิพาทตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 94 และไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 และมาตรา 113 ศาลย่อมพิพากษาให้เป็นไปตามยอมได้ หมายเหตุ (โปรดดูฎีกาที่ 1848/2516,2170/2519 และ2487/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล ไม่จำกัดเฉพาะคำขอในฟ้อง หากไม่ขัดกฎหมาย ศาลต้องพิพากษาตามยอม
สัญญาประนีประนอมยอมความที่กระทำต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอมนั้น มิใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทอย่างคดีธรรมดาที่ต้องพิจารณาสืบพยานกันจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายที่ห้ามมิให้พิพากษาเกินคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องเพียงแต่ต้องตกลงกันในประเด็นแห่งคดีหรือเกี่ยวเนื่องกับประเด็นนั้นๆ หากข้อตกลงนั้นมิได้ฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาไปตามยอม ไม่ต้องย้อนไปดูว่าเกินคำขอหรือไม่
โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวทำสัญญาให้จำเลยทั้งสามถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินและตึกพิพาทแทน ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามขอให้ยึดที่ดินและตึกพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์การ ที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โจทก์ได้รับเงินค่าเช่าที่ดินและตึกพิพาทตลอดชีวิตของโจทก์แทนเงินจากการขายทอดตลาด โดยโจทก์ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการตกลงกันในขอบเขตแห่งประเด็นในคดีหรือเกี่ยวเนื่องกับประเด็นในคดีแล้ว คำพิพากษาตามยอมก็ไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพราะเป็นการที่โจทก์ได้จำหน่ายที่ดินและตึกพิพาทตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 94 และไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 และมาตรา 113 ศาลย่อมพิพากษาให้เป็นไปตามยอมได้
หมายเหตุ (โปรดดูฎีกาที่ 1848/2516, 2170/2519 และ 2487/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677-679/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดีโดยคณะกรรมการบริหารของบริษัท
คณะกรรมการของบริษัทโจทก์ซึ่งมี 15 นาย ได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับของโจทก์ลงมติเลือกตั้งกรรมการของโจทก์เป็นคณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่ควบคุมและดำเนินงานประจำวันของโจทก์อย่างใกล้ชิดโดยเป็นผู้ใช้อำนาจของคณะกรรมการโจทก์จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริหารคนหนึ่งของโจทก์เป็นลูกหนี้โจทก์ร่วมกับจำเลยอื่น แล้วไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ การที่กรรมการบริหาร 3 นายในจำนวน 5 นายซึ่งเป็นเสียงส่วนข้างมากโดยมีมติเวียนอนุมัติมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องจำเลยที่ 4 กับพวกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ และขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 4ผู้เป็นกรรมการบริหารของโจทก์คนหนึ่ง ถือได้ว่ากรรมการบริหารของโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีแทนโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจสอบสวนคดีเช็ค: การโอนเช็คไม่ถือเป็นความผิดต่อเนื่องจากสถานที่ออกเช็ค
แม้เช็คที่สั่งจ่ายแก่ผู้ถืออาจโอนเปลี่ยนมือกันได้ การโอนเปลี่ยนมือกัน ระหว่างผู้ทรงคนแรกกับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงคนถัดไปก็มิใช่การกระทำของจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ผู้เสียหายรับโอนเช็คจึงไม่มีอำนาจสอบสวน แม้ผู้เสียหายจะได้ร้องทุกข์แล้ว การสอบสวนจึงไม่ชอบและพนักงานอัยการย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจสอบสวนคดีเช็ค: การโอนเช็คไม่ถือเป็นความผิดต่อเนื่องจากสถานที่ออกเช็ค
แม้เช็คที่สั่งจ่ายแก่ผู้ถืออาจโอนเปลี่ยนมือกันได้การโอนเปลี่ยนมือกัน ระหว่างผู้ทรงคนแรกกับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงคนถัดไปก็มิใช่การกระทำของจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ผู้เสียหายรับโอนเช็คจึงไม่มีอำนาจสอบสวน แม้ผู้เสียหายจะได้ร้องทุกข์แล้ว การสอบสวนจึงไม่ชอบและพนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในชั้นศาลและการยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมิอาจยกข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เคยโต้แย้งในชั้นต้นได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไพ่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่าไพ่นั้นเป็นไพ่ตามพระราชบัญญัติไพ่ ดังนั้น เมื่อศาลลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำเลยจึงไม่อาจอุทธรณ์ได้ว่าของกลางตามฟ้องมิใช่ไพ่ เพราะเป็นการยกข้อเท็จจริงที่จำเลยไม่โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นขึ้นมาอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกัน: ค้ำประกันเฉพาะจำนวนเงินที่ระบุในสัญญา ไม่จำกัดจำนวน
สัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยทำต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันหนี้ของ ส. จำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งตกลงยอมค้ำประกันการชำระหนี้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงและถึงแม้ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม อันทำให้ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วเต็มจำนวนและตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำะหนี้ตามสัญญาดังกล่าวนั้นทันที หมายความถึงรับผิดชำระหนี้จำนวน 50,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยเท่านั้นหาใช่จำเลยยอมรับผิดชำระหนี้แทน ส. ลูกหนี้โดยไม่จำกัดจำนวนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกและการปิดบังทรัพย์มรดก การระบุทายาทไม่ครบถ้วนไม่ถือเป็นการปิดบัง
โจทก์ทั้งสามกับจำเลยทั้งสามและ น. กับ ส. ต่างเป็นทายาทของเจ้ามรดก จำเลยทั้งสามไปขอรับมรดกที่ดินพิพาทโดยระบุบัญชีหรือเครือญาติของเจ้ามรดกว่ามีเฉพาะจำเลยทั้งสามกับ น. และ ส. โดยไม่ระบุโจทก์ทั้งสามด้วย ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องปิดบังทรัพย์มรดก อันจะเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสามถูกกำจัดมิให้รับทรัพย์มรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำทองรูปพรรณออกนอกราชอาณาจักร ไม่เข้าข่ายความผิดพยายามลักลอบนำออกไป เมื่อพิจารณาจากฐานะทางการเงินและพฤติการณ์
จำเลยมีรายได้สุทธิจากการประกอบการค้าหลายแห่งเดือนละประมาณ 40,000 บาท การที่จำเลยสวมสร้อยคอทองคำของกลางน้ำหนัก 387.2 กรัม หรือประมาณ 25 บาท ราคาหนึ่งแสนบาทเศษตามปกติไม่ได้ซ่อนเร้นหรือปิดบัง ขณะจะเดินทางไปต่างประเทศไม่เป็นการเกินฐานานุรูปของจำเลย ไม่มีความผิด
of 21