คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมประสงค์ พานิชอัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3520/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมโฉนดที่ดินและใช้เอกสารปลอมเพื่อประกันตัว: ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวตามบทบัญญัติมาตรา 268 วรรคสอง
จำเลยกับพวกปลอมดวงตราของผู้ว่าราชการจังหวัดและดวงตราของเจ้าพนักงานที่ดิน แล้วเอาดวงตราปลอมไปดังกล่าวไปประทับในโฉนดที่ดินช่องผู้ว่าราชการจังหวัดและช่องเจ้าพนักงานที่ดินทุกแห่งที่จำเลยลงลายมือชื่อปลอมของบุคคลดังกล่าว ก็เพื่อให้โฉนดที่ดินปลอมมีที่จำเลยกับพวกทำขึ้นนั้นมีข้อความ ลายมือชื่อและรอยตราประทับเหมือนของจริงอันเป็นการปลอมโฉนดที่ดินทั้งฉบับสำเร็จสมดังเจตนาของจำเลยการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก,266(1),251 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยกับพวกนำโฉนดที่ดินปลอมซึ่งมีรอยตราปลอมของเจ้าพนักงานประทับและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานศาลอาญาก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยกับพวกในการใช้โฉนดที่ดินปลอมโดยให้เจ้าพนักงานศาลหลงเชื่อว่าจำเลยมีหลักทรัพย์เพียงพอที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้จำเลยประกันตัว ซ. จึงจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วย มาตรา 266,252,137 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
การปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการเป็นความผิดสำเร็จเมื่อทำการปลอมเสร็จ แยกเจตนาได้จากการนำเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมนั้นไปใช้ มาตรา 268 วรรคสองให้ลงโทษฐานใช้แต่กระทงเดียว จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3443/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้พ้นตำแหน่ง ไวยาวัจกร ไม่มีสิทธิเรียกร้องความเสียหายจากการแจ้งความหายของสมุดบัญชีวัด
โจทก์พ้นจากตำแหน่งไวยาวัจกร และทางวัดได้เพิกถอนอำนาจของ โจทก์ในการสั่งจ่าย-ถอนเงินของวัดแล้ว ขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่ ได้เป็นไวยาวัจกรของวัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินหรือ สมุดฝากเงินของวัดแล้ว การที่จำเลยผู้เป็นเจ้าอาวาส แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าสมุดเงินฝากของวัดตกหาย จึงไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.อาญา กรณีโต้แย้งดุลพินิจศาลล่างในการรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัย ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิดโดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำรับสารภาพและดุลพินิจรอการลงโทษ ศาลฎีกาไม่อนุญาตฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือนและรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิด โดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
of 21