พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ที่เข้าช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียญที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลย ทั้งสองกับว.และอ.พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออกผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดยว.ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้งจำเลยที่ 1 กับอ.ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตายผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตาย หนีออกจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และอ.ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ถูกทำร้ายที่พยายามช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียบที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับ ว. และ อ. พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออก ผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดย ว. ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง จำเลยที่ 1 กับ อ. ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย ผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตายหนีออกมาจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และ อ. ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302-1303/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองประกันหนี้และดอกเบี้ย: เริ่มผูกพันเมื่อจดทะเบียนจำนอง, ดอกเบี้ยคำนวณรายวัน, จำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
ทรัพย์ซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อชำระหนี้กับทั้งค่าอุปกรณ์อันรวมถึงดอกเบี้ยซึ่งคำนวณและถือได้เป็นรายวัน ดังนั้น ผู้จำนองจึงต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยตั้งแต่วันจดทะเบียนจำนองเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอาญาอื่น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลและความเชื่อมโยงระหว่างคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอาญาอื่น จำเลยให้การปฏิเสธ และมิได้มีการสอบถามในเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนจำเลยให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอาญาอื่น จำเลยให้การปฏิเสธ และมิได้มีการสอบถามในเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต: การกระทำเพื่อฉ้อโกงประชาชน ไม่เข้าข้อยกเว้นความผิดฐานจัดหางาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดหางานโดยตั้งสำนักงานและโฆษณาชักชวนประชาชนให้มาสมัครงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโจทก์บรรยายฟ้องว่าความจริงจำเลยไม่ประสงค์ที่จะจัดหางานดังกล่าวอย่างจริงจังและไม่มีงานที่จะให้คนมาสมัครงานทำดังที่ประกาศโฆษณาไว้แต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่ตั้งสำนักงานจัดหางานดังกล่าวขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อมาติดต่อกับจำเลยแล้วจะได้หลอกเอาเงินค่าสมัครงานและค่าบริการต่าง ๆ จากประชาชน เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหายแต่อย่างใดจำเลยเพียงแต่อ้างการจัดตั้งสำนักงานจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต: เจตนาหลอกลวงเพื่อเรียกเก็บค่าบริการ ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดหางานโดยตั้งสำนักงานและโฆษณาชักชวน ประชาชนให้มาสมัครงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกง ประชาชนโจทก์บรรยายฟ้องว่าความจริงจำเลยไม่ประสงค์ที่จะจัดหางาน ดังกล่าวอย่างจริงจัง และไม่มีงานที่จะให้คนมาสมัครงานทำดังที่ ประกาศโฆษณาไว้แต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่ตั้งสำนักงานจัดหางาน ดังกล่าวขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อมาติดต่อกับจำเลยแล้ว จะได้หลอกเอาเงินค่าสมัครงานและค่าบริการต่าง ๆ จากประชาชน เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหาย แต่อย่างใดจำเลยเพียงแต่อ้างการจัดตั้งสำนักงานจัดหางานมาเป็น ข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511แม้จำเลย ให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดตั้งสำนักงานจัดหางานหลอกลวงเพื่อเรียกเก็บเงิน ไม่ถือเป็นความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดหางานโดยตั้งสำนักงานและโฆษณาชักชวนประชาชนให้มาสมัครงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโจทก์บรรยายฟ้องว่าความจริงจำเลยไม่ประสงค์ที่จะจัดหางานดังกล่าวอย่างจริงจังและไม่มีงานที่จะให้คนมาสมัครงานทำดังที่ประกาศโฆษณาไว้แต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่ตั้งสำนักงานจัดหางานดังกล่าวขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อมาติดต่อกับจำเลยแล้วจะได้หลอกเอาเงินค่าสมัครงานและค่าบริการต่าง ๆ จากประชาชน เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหายแต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่อ้างการจัดตั้งสำนักงานจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่: การฉีดยาเพื่อให้หมดสติก่อนลงมือ
จำเลยที่ 4 ฉีดเฮโรอีนให้ ป. ผู้เสียหายโดยมุ่งหมายให้เกิดอาการมึนงงเพื่อความสะดวกที่จะให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ปลดทรัพย์จากผู้เสียหายโดยผู้เสียหายหมดโอกาสจะขัดขืน และจำเลยที่ 4 มุ่งจะได้รับเงินส่วนแบ่งที่ขายทรัพย์ดังกล่าวด้วย การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการร่วมในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำสุราและมีสุราไว้ในครอบครองเป็นคนละกรรม, การริบทรัพย์สินจากคำรับสารภาพ
พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5,30,32 บัญญัติความผิดและบทลงโทษฐานทำสุรากับฐานมีสุราไว้ในครอบครองไว้คนละมาตรา จึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
ข้อหาทำสุราและข้อหามีสุราไว้ในครอบครองในคราวเดียวกันแม้จำเลยจะทำทั้งสุรากลั่นและสุราแช่และมีทั้งสุรากลั่นและสุราแช่ ในแต่ละข้อหาก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารถยนต์ของกลางไม่อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามลักษณะของความผิดที่โจทก์ฟ้องได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการไม่ชอบ.
ข้อหาทำสุราและข้อหามีสุราไว้ในครอบครองในคราวเดียวกันแม้จำเลยจะทำทั้งสุรากลั่นและสุราแช่และมีทั้งสุรากลั่นและสุราแช่ ในแต่ละข้อหาก็เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารถยนต์ของกลางไม่อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามลักษณะของความผิดที่โจทก์ฟ้องได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการไม่ชอบ.