พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการเลือกวิธีตอกเสาเข็มที่ก่อผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง แม้จะประหยัดกว่าวิธีอื่น
จำเลยจ้าง น.ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์โคผู้อื่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของแต่ไม่มีตัวตนจริง มีพยานหลักฐานยืนยันความผิด
ด. พบโค 9 ตัว กำลังกินข้าวอยู่ในนาของตน จึงไล่ต้อนมาไว้ที่บ้านเพื่อจะเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของโค ต่อมาจำเลยกับ ศ.และพวกมาที่บ้านด.อ้างว่าโคเป็นของศ.พ่อตาของด.ไม่เชื่อ ได้พา ศ.ไปพบผู้ใหญ่บ้านศ. ทำบันทึกรับโคไป แล้วพวกของจำเลยไล่ต้อนโคทั้ง 9 ตัวไปโดยจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามไป ปรากฏว่าโคเป็นของผู้เสียหาย ดังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335(7) วรรคแรก,83.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การกับการยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลไม่รับฟังข้อต่อสู้เพราะไม่มีประเด็น
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ การเบิกความในประเด็นที่ไม่มีข้อพิพาท
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกอายุความเป็นข้อต่อสู้ แม้ไม่ได้ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลไม่รับฟังเนื่องจากขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความ ในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น และการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ความรับผิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่.
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนการยึดทรัพย์หลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น และการพิสูจน์ความรับผิดทางละเมิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองการคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงเมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใดการที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่