คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธิรพันธุ์ รัศมิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่าโดยเจตนา และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การที่เป็นประโยชน์
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2 คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่า, เจตนา, การกระทำโดยไม่ได้ไตร่ตรอง, ลดโทษจากประโยชน์ในการพิจารณา
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4129/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับเหมาและหน่วยงานราชการต่อความเสียหายจากการก่อสร้างถนน
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางได้ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควรเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานละเมิด ส่วนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมก่อสร้าง บำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้าย และสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุ แม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายกั้นเพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรแล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้นให้ถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วยแต่จำเลยทั้งสองมีส่วนในความประมาทมากกว่า จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสองในสามส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4129/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับเหมาและเจ้าของงานต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุบนถนนก่อสร้าง และการประเมินความประมาทของผู้ขับขี่
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควร เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหายส่วนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซม ก่อสร้างบำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้าย และสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุแม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายกั้น เพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรแล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้เป็นไปโดยถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อ ว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักค่าใช้จ่ายทางภาษี กรณีค่าบริการจัดการและค่าบริการเพิ่ม (Incentive Fee) ที่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร
การคำนวณกำไรสุทธิ ในรอบระยะบัญชีปี พ.ศ. 2520 โจทก์หักค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งเป็นเงินค่าธรรมเนียมการบริหารงานให้แก่บริษัทที่รับบริหารงานให้โจทก์ เป็นเงิน 3,798,000 บาท เจ้าพนักงานประเมินให้ถือเป็นรายจ่ายได้เพียง 300,000 บาท แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ยอมให้ถือเป็นรายจ่ายทั้งหมดและมีคำสั่งให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มและเงิน เพิ่มอีกรวม 78,210.44 บาท นั้นเมื่อโจทก์ได้ยื่นฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งจึงไม่ชอบที่จะพิจารณาในคดีนี้อีก
การที่ใบหุ้นสูญหายหาทำให้สิทธิในการเป็นผู้ถือหุ้นระงับหรือหมดไปไม่ สิทธิในหุ้นของโจทก์มีอย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้นดังนี้โจทก์จะตีราคาหุ้นสำหรับใบหุ้นที่หายแล้วลงจำหน่ายเป็น หนี้สูญเพื่อคำนวณกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (9) หาได้ไม่
ค่าบริการเพิ่ม (INCENTIVE FEE) ซึ่งโจทก์จะต้องจ่ายให้แก่บริษัทที่รับบริหารงานให้โจทก์โดยมีข้อตกลงกันว่า โจทก์จะต้องจ่ายให้เป็นเงินจำนวนเท่ากับเงินที่โจทก์มีพอ หลังจากที่ได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 30 ของทุนที่จดทะเบียนแล้วอันเป็นรายจ่ายที่กำหนดจ่ายจากผลกำไรที่ได้เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (19) จึงต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักค่าใช้จ่ายทางภาษี: ค่าบริการจัดการ vs. ค่าบริการเพิ่ม (Incentive Fee) และการตีราคาหุ้นสูญหาย
การคำนวณกำไรสุทธิ ในรอบระยะบัญชีปี พ.ศ. 2520 โจทก์หักค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งเป็นเงินค่าธรรมเนียมการบริหารงานให้แก่บริษัทที่รับบริหารงานให้โจทก์ เป็นเงิน 3,798,000 บาทเจ้าพนักงานประเมินให้ถือเป็นรายจ่ายได้เพียง 300,000 บาทแต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ไม่ยอมให้ถือเป็นรายจ่ายทั้งหมดและมีคำสั่งให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มและเงินเพิ่มอีกรวม78,210.44 บาทนั้นเมื่อโจทก์ได้ยื่นฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งจึงไม่ชอบที่จะพิจารณาในคดีนี้อีก
การที่ใบหุ้นสูญหายหาทำให้สิทธิในการเป็นผู้ถือหุ้นระงับหรือหมดไปไม่ สิทธิในหุ้นของโจทก์มีอย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น ดังนี้โจทก์จะตีราคาหุ้นสำหรับใบหุ้นที่หายแล้วลงจำหน่ายเป็นหนี้สูญเพื่อคำนวณกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (9) หาได้ไม่
ค่าบริการเพิ่ม (INCENTIVEFEE) ซึ่งโจทก์จะต้องจ่ายให้แก่บริษัทที่รับบริหารงานให้โจทก์โดยมีข้อตกลงกันว่า โจทก์จะต้องจ่ายให้เป็นเงินจำนวนเท่ากับเงินที่โจทก์มีพอ หลังจากที่ได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 30 ของทุนที่จดทะเบียนแล้วอันเป็นรายจ่ายที่กำหนดจ่ายจากผลกำไรที่ได้เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี(19) จึงต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีอาญาต่อศาล มีผลทำให้ฟ้องของโจทก์มีมูล
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าได้มีการตกลงประนีประนอมในเรื่องเช็คทั้ง 23 ฉบับเสร็จสิ้นไปแล้ว กลับมาเบิกความว่าไม่ได้มีการประนีประนอม ซึ่งหากศาลในคดีก่อนฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลย อาจเป็นผลทำให้โจทก์ได้รับโดยในคดีอาญา ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
การเบิกความเท็จอันจะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในการประนีประนอม ถือเป็นข้อสำคัญในคดี
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าได้มีการตกลงประนีประนอมในเรื่องเช็คทั้ง 23 ฉบับเสร็จสิ้นไปแล้ว กลับมาเบิกความว่าไม่ได้มีการประนีประนอม ซึ่งหากศาลในคดีก่อนฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลย อาจเป็นผลทำให้โจทก์ได้รับโดยในคดีอาญา ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
การเบิกความเท็จอันจะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพิกัดอัตราศุลกากร: วอเตอร์ชิลเลอร์เป็นเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความเย็น เพื่อการลดหย่อนอากร
เครื่องวอเตอร์ชิลเลอร์ เป็นเครื่องปรับอากาศที่อาศัยน้ำเป็นตัวสื่อ ทำความเย็น ไม่ใช่เครื่องทำน้ำเย็น เมื่อโจทก์นำเข้ามาเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรม โจทก์จึงมีสิทธิได้ลดอากรเหลืออัตราร้อยละ 30ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก. 10/2525.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพิกัดอัตราอากรศุลกากร: วอเตอร์ ซิลเลอร์ เป็นเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความเย็น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนอัตราอากร
เครื่องวอเตอร์ ซิลเลอร์ เป็นเครื่องปรับอากาศที่อาศัยน้ำเป็นตัวสื่อทำความเย็น ไม่ใช่เครื่องทำน้ำเย็น เมื่อโจทก์นำเข้ามาเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรม โจทก์จึงมีสิทธิได้ลดอากรเหลืออัตราร้อยละ 30 ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.10/2525
of 57