คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธิรพันธุ์ รัศมิทัต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฎีกาจำกัดเฉพาะคู่ความที่ศาลพิพากษาประทับฟ้องแล้ว การไต่สวนมูลฟ้องยังไม่ถือเป็นการประทับฟ้อง
คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษาใหม่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต่อเนื่องกว่า 10 ปี แม้มีทางอื่นใช้ได้
โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินไปสู่ทางสาธารณะ โดยสงบและเปิดเผยมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จึงได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความตามป.พ.พ. มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382 แม้โจทก์สามารถใช้คันลำเหมืองไปสู่ทางสาธารณะได้ ก็หาทำให้สิทธิของโจทก์ในการใช้ทางพิพาทเสียไปไม่ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินอันมีทางพิพาทเพราะได้โอนขายให้จำเลยที่ 3 ไปแล้ว แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ปิดทางพิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ก่อนที่จะโอนขายให้จำเลยที่ 3 โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 เปิดทางพิพาทได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ: แม้มีทางอื่น แต่สิทธิที่ได้มาตามกฎหมายยังคงมีผล
โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินไปสู่ถนนหลวงโดยสงบเปิดเผยมากว่า 10 ปี จึงได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วย มาตรา 1382 แม้โจทก์สามารถใช้คันเหมืองไปสู่ทางสาธารณะได้ ก็ไม่ได้ทำให้สิทธิของโจทก์ในการใช้ทางพิพาทซึ่งได้มาโดยอายุความเสียไป
จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินอันมีทางพิพาทเพราะได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 3 ไปแล้วหลังจากโจทก์ฟ้องคดี แต่จำเลยที่ 1เป็นผู้ปิดทางพิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ก่อนที่จะโอนขายให้แก่จำเลยที่ 3 โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้เปิดทางพิพาทได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางประกันค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ต่างชาติ: ศาลไม่ต้องไต่สวนหากโจทก์ยอมรับว่าอยู่นอกอำนาจศาล
การไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 วรรคสองนั้นหมายถึงการไต่สวนถึงเหตุที่ทำให้มีการร้องขอให้โจทก์วางเงินซึ่งมีอยู่ 2 เหตุ คือโจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาลเหตุหนึ่ง หรือถ้ามีเหตุอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอีกเหตุหนึ่ง เมื่อจำเลยร้องขอให้โจทก์วางเงินประกันโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีภูมิลำเนาในประเทศอังกฤษ ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล และโจทก์ยอมรับในคำแถลงคัดค้านแล้วว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษ จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนอีก
จำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางประกันนั้น ตามมาตรา253วรรคสองดังกล่าว บัญญัติให้ศาลกำหนดจำนวนเงินที่จะให้โจทก์วางประกันรวมตลอดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรจึงไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนอีกเช่นกัน ศาลชอบที่จะกำหนดจำนวนเงินประกันไปตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ต่างชาติ ศาลไม่ต้องไต่สวนหากโจทก์ยอมรับว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจศาล
การไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 วรรคสองนั้นหมายถึงการไต่สวนถึงเหตุที่ทำให้มีการร้องขอให้โจทก์วางเงินซึ่งมีอยู่ 2 เหตุ คือโจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาลเหตุหนึ่ง หรือถ้ามีเหตุอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอีกเหตุ หนึ่ง เมื่อจำเลยร้องขอให้โจทก์วางเงินประกันโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีภูมิลำเนาในประเทศอังกฤษ ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล และโจทก์ยอมรับในคำแถลงคัดค้านแล้วว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษ จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนอีก
จำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางประกันนั้น ตามมาตรา 253 วรรคสองดังกล่าว บัญญัติให้ศาลกำหนดจำนวนเงินที่จะให้โจทก์วางประกันรวมตลอดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรจึงไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนอีกเช่นกัน ศาลชอบที่จะกำหนดจำนวนเงินประกันไปตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางประกันค่าฤชาธรรมเนียม: ศาลไม่ต้องไต่สวนหากโจทก์ยอมรับว่าไม่อยู่ในอำนาจศาล หรือวางเงินประกันแล้ว
การไต่สวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 253 วรรคสอง หมายถึงการไต่สวนถึงเหตุที่ทำให้มีการร้องขอให้โจทก์วางเงินซึ่งมีอยู่ 2 เหตุคือโจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาลเหตุหนึ่งหรือถ้า มี เหตุแน่นแฟ้นอันเป็นที่เชื่อ ได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอีกเหตุหนึ่ง ฉะนั้นเมื่อเหตุที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยกขึ้นอ้างเพื่อร้องขอให้โจทก์วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายนั้นจำเลยอ้างเหตุว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล ซึ่งเหตุนี้โจทก์ยอมรับในคำแถลงคัดค้านของโจทก์แล้วว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษโจทก์จึงไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล นอกจากนั้นจากคำแถลงของโจทก์ที่ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณา โจทก์ก็แถลงขอวางเงินค่าธรรมเนียมศาลเป็นจำนวน 50,000 บาท จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนอะไรอีก และสำหรับจำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางประกันนั้น มาตรา 253 วรรคสอง บัญญัติให้ศาลกำหนดจำนวนเงินรวมตลอดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขตามที่เห็นสมควร จึงไม่จำเป็นจะต้องทำการไต่สวนอีกเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษคดียาเสพติดต้องคำนึงถึงปริมาณยาเสพติดและอัตราโทษตามกฎหมาย
การกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยในคดีอาญาต้องคำนึงถึงอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายด้วย โทษฐานมียาเสพติดประเภท 1(เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นถือเอาปริมาณยาเสพติดที่มีไว้ในครอบครองเป็นเกณฑ์กล่าวคือ ถ้าปริมาณไม่เกิน 100กรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท แต่ถ้าปริมาณเกิน 100 กรัม ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต. จำเลยมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 58.255 กรัม. คือปริมาณกึ่งหนึ่งของเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต การที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยถึง 40 ปี ซึ่งเกือบจะเท่าโทษสูงสุดที่กฎหมายกำหนด นับได้ว่าเป็นการกำหนดโทษที่ค่อนข้างจะสูงเกินไป เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้และลดโทษให้จำเลย เหลือโทษจำคุก 15 ปี จึงเป็นกำหนดโทษที่เหมาะสม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า: การตีความลักษณะสัญญาเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษหรือไม่ และผลต่อการบังคับสัญญา
สัญญาเช่าห้องพิพาทไม่มีข้อความบ่งว่ามีข้อตกลงพิเศษที่โจทก์จะให้เช่าถึง 10 ปี ที่จำเลยเข้าซ่อมแซมต่อเติมปรับปรุงห้องพิพาทกับจ่ายเงินกินเปล่าแก่โจทก์ จึงเป็นธรรมดาของผู้เช่าที่จะต้องกระทำเพื่อซ่อมแซมตกแต่งปรับปรุงให้สวยงามและมีความสะดวกในการใช้สอยให้ได้รับอย่างสมประโยชน์ ส่วนเงินกินเปล่าย่อมถือเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า สัญญาเช่าห้องพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคัดค้านการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำที่เจตนาหน่วงเหนี่ยวการบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย 4 ครั้ง ซึ่งการขายแต่ละครั้งจำเลยคัดค้านว่าขายได้ราคาต่ำ ขอให้ประกาศขายใหม่ สำหรับการขายครั้งที่สามจำเลยยอมรับว่าถ้าได้ราคาสูงสุดเท่าใดก็ให้ขายในราคานั้นจำเลยจะไม่คัดค้านไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้นและเมื่อประกาศขายครั้งที่สี่ มีผู้ให้ราคาสูงสุดจำเลยก็คัดค้านอีกว่าขายได้ราคาต่ำ การขายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้มีลักษณะเป็นการหน่วงเหนี่ยวการบังคับคดีเพื่อให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เกณฑ์สิทธิ์ vs. เกณฑ์เงินสด การรับรู้รายได้เมื่อได้รับเงินจริง
โจทก์ปรับปรุงทางเท้าและทำถนนตามที่รับจ้างจากหน่วยราชการเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2516 แต่ได้รับค่าจ้างเมื่อเดือนมกราคม 2517 และรวมคำนวณกำไรสุทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2517 แล้ว ย่อมเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้อง ที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้นำค่าจ้างดังกล่าวไปรวมคำนวณกำไรสุทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2516 นั้นไม่ถูกต้อง เพราะขณะนั้นไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องนำเกณฑ์สิทธิ์มาใช้ในการคำนวณกำไรสุทธิ.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 57